วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 347

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 347 เผยตัว

เหยียนต้วนหุนสีหน้าทะมึนลงทันที จ้องมองเหยียนซีหมิงด้วยสายตาคมกล้า กล่าวคำที่ทำให้เหยียนซีหมิงต้องหัวใจสั่นสะท้าน “สี่สุดยอดผู้แข็งแกร่งสุดในสำนักจักรพรรดิใต้.... หนึ่งคนตกตาย , อีกหนึ่งพิการ , อีกสองบาดเจ็บหนัก ผู้ที่ตายคือคนที่แข็งแกร่งสุดในสำนักจักรพรรดิใต้ ทรงพลังแกร่งกล้าเทียบเท่ากับปู่เจ้า คนที่พิการคือฉุ่ยหยุนเทียน! เฮอะ แขนซ้ายมันขาดออกไม่อาจฟื้นฟู ตอนนี้มันคงทุกข์ระทมอย่างหนัก ห้องโถงอาคารต่างๆยังพังทลายเป็นวงกว้าง แม้ไม่อาจกล่าวว่าสำนักจักรพรรดิใต้ถึงขั้นสาหัสในคราวนี้ แต่ก็นับว่าชวนท้อแท้อยู่ไม่น้อย”

เหยียนซีหมิงใบหน้าค้างแข็ง เป็นเวลานานที่ไม่อาจกล่าวคำพูด เมื่อคิดย้อนไปลำคอก็แห้งผากในฉับพลัน ความรู้สึกเย็นเยียบพลันผุดขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ เขาสูดหายใจเข้าและถาม “แล้วสตรีเทพพิโรธกับเย่หวูเฉินเป็นยังไง?”

“ทั้งสองคนหนีไปได้ ยิ่งกว่านั้น ยังทราบมาว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ” เหยียนต้วนหุนเหยียดยิ้มหยัน สำหรับเขา ยิ่งสำนักจักรพรรดิใต้เจ็บปวดเพียงใด เขาก็ยิ่งเบิกบานใจเพียงนั้น เพราะสำนักจักรพรรดิใต้คือศัตรูฉกาจสุดสำหรับพวกตน แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนร่วมมือกัน แต่ภายในไม่เคยหยุดคิดเป็นปรปักษ์ หนึ่งขุนเขาไม่อาจมีพยัคฆ์สองตัว หนึ่งเตียงย่อมไม่อาจเคียงข้างกับชายสอง

เหยียนซีหมิงหัวใจดิ่งวูบทันที ในที่สุดก็รู้ตัวว่าหากลงมือกับเย่หวูเฉินจะนำพาหายนะใหญ่หลวงเพียงใดมาสู่ตน เขานั่งลงตรงหน้าเหยียนต้วนหุน สีหน้ายังคงแตกตื่น “สตรีเทพพิโรธ ที่แท้กลับมีพลังถึงเพียงนี้ แกร่งกล้ายิ่งกว่าในตำนาน”

ในตำนานกล่าวไว้ว่า เทพทั้งสี่แห่งทวีปเทียนเฉินร่วมมือกันจัดการสตรีเทพพิโรธ แต่เมื่อ 20 ปีก่อน เทพทั้งสี่แห่งเทียนเฉินยังเพิ่งเหยียบย่างเข้าสู่วิถีเทวะ ทว่าสี่สุดยอดแห่งสำนักจักรพรรดิใต้นั้น เขาย่อมรู้ดี พลังโดยรวมย่อมเหนือล้ำเทพทั้งสี่แห่งเทียนเฉินในอดีตไปห่างไกล ทว่าไม่เพียงพวกเขาไม่อาจจัดการสตรีเทพพิโรธ พวกนั้นกลับตกตาย บาดเจ็บและพิการภายใต้น้ำมือนาง....

เขาไม่รู้ว่าในอดีต ทงซินไม่ได้รับมือกับเทวะเพียงสี่ แต่เป็นหก! หกคนนั้นไม่เพียงมีพลังสูงส่ง แต่ยังชำนาญในวิชาที่ต่างกัน แต่ละคนมีจุดเด่นที่แตกต่าง ยามเผชิญหน้ากับเทวะทั้งสี่ที่ใช้วิชาเดียวกัน แม้พลังโดยรวมจะสูงส่งกว่า แต่การรับมือกับเทวะที่ใช้พลังต่างกันย่อมยากกว่ามาก

“ในอดีต ปู่ของเจ้าก็เคยสู้กับสตรีเทพพิโรธมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้ว่าเขาไม่เคยบอกลักษณะชัดเจนของสตรีเทพพิโรธให้ข้าฟัง แต่สิ่งที่ปู่ของเจ้าบอกไว้กับข้าก็คือ ไม่เพียงนางจะทรงพลังยิ่ง สามารถเอาชนะทุกคนที่เจ้ารู้จัก แต่นางยัง....ไม่อาจถูกสังหาร อย่างน้อยมนุษย์ก็ไม่มีปัญญาที่จะเอาชีวิตนาง ในอดีต จึงทำได้เพียงพันธนาการนางไว้ด้วยโซ่ตรวนผนึกปีศาจ” เหยียนต้วนหุนกล่าวราบเรียบ พลังที่ไม่อาจมีผู้ใดสังหาร หากต้องเป็นศัตรูกับบุคคลพรรค์นี้ ชีวิตมีแต่จะกลายเป็นฝันร้าย

“มนุษย์ไม่มีปัญญาเอาชีวิตนาง.... ท่านพ่อ หรือว่าท่านจะหมายถึง....”

“มนุษย์ไม่อาจทำได้ บางทีอาจมีเพียงเทพที่สามารถกระทำ เฮอะ ด้วยวัยเพียงเท่านั้น และพลังถึงขั้นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสตรีเทพพิโรธคือผู้ที่มาจากทวีปเทวะ”

อีกหนึ่งคำพูดน่าตะลึงทำให้เหยียนซีหมิงตกใจและไร้คำพูดเป็นเวลานาน คำพูดเหล่านี้ หมายถึงอย่างชัดเจนว่าสตรีเทพพิโรธคือเทพ และคือเทพที่แท้จริง มิใช่บุคคลที่โลกตั้งสมญาให้เป็นเทพ หากแต่.... เขาคิดไม่ออกเลยว่าสาวน้อยตัวเล็กๆจากทวีปเทวะมีพลังสูงส่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ทวีปเทวะในตำนาน กลับเป็นตัวตนที่ชาวทวีปเทียนเฉินได้แต่แหงนมอง

“พูดอีกอย่างก็คือ ข้าจะไม่มีวันได้ลงมือกับเย่หวูเฉิน....” เหยียนซีหมิงน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นบางเบา ‘เย่หวูเฉิน’ สามคำนี้ เขากล่าวเล็ดไรฟันอย่างยากลำบาก ความชิงชังซึมลึกถึงกระดูกดำ ริมฝีปากสั่นเครือ หัวใจรู้สึกหนักหน่วง อัดอั้นโทสะจนแทบกระอักเลือด

เหยียนต้วนหุนปราดตามองดุจเหยี่ยว เขาไม่เคยรับมือกับสตรีเทพพิโรธโดยตรง ก่อนหน้านี้จึงเข้าใจนางโดยอาศัยฟังจากตำนาน ทว่าเวลานี้ ด้วยหายนะที่เกิดขึ้นกับสำนักจักรพรรดิใต้ เขาจึงเข้าใจแจ่มแจ้งถึงพลังของสตรีเทพพิโรธ ในใจสั่นไหวด้วยความกลัว ประทับนามสตรีเทพพิโรธฝังไว้ในใจอย่างแน่นหนา เพราะการดำรงอยู่ของนาง ทำให้เขาไม่อาจวู่วามกับเย่หวูเฉินได้อีก ไม่อาจเหยียบเท้าซ้ำรอยกับสำนักจักรพรรดิใต้

“ในทางตรงกันข้าม เรื่องราวของเหยียนจื่อเมิ่งกับเย่หวูเฉินในอดีต เจ้าคิดหรือไม่ว่าตอนนั้น หากเหยียนจื่อเมิ่งลงมือสังหารเย่หวูเฉินจริงๆ เฮอะ บางทีคนที่ได้ดูเรื่องสนุกอาจไม่ใช่พวกเรา แต่จะเป็นสำนักจักรพรรดิใต้”

เรื่องนี้เหยียนซีหมิงย่อมรู้ดี ทว่าแม้จะกล่าวอย่างนี้ เขาก็ยังไม่อาจลบความรู้สึกออกจากใจ เหยียนต้วนหุนพูดในมุมมองของสำนักจักรพรรดิเหนือ แต่เขาอยู่ในมุมของบุรุษคนหนึ่ง จึงไม่อาจทนรับความอัปยศเช่นนี้ได้ หัวใจของเขาทั้งหมดถูกเหยียนจื่อเมิ่งกุมไว้ เขาให้เกียรตินางอย่างมาก อดทนตลอดมา หลายปีไม่เคยล่วงเกิน ไม่คิดฝันว่านางอยู่กับเย่หวูเฉินเพียงไม่ถึงสิบวัน นางกลับมีลูกกับมัน.... ถูกหยามอัปยศถึงเพียงนี้ ไหนเลยเขาจะทนได้

“ก็ยังดี.... แม้ข้าไม่อาจลงมือกับเย่หวูเฉินได้อีก แต่สามปีที่แล้ว อย่างน้อยข้าได้ฟาดฝ่ามือทำลายเด็กของพวกมัน เด็กชั่วนั่นไม่สมควรได้ลืมตาดูโลก” เหยียนซีหมิงขบฟันแน่นขณะกล่าว มีเพียงเรื่องนี้ที่พอจะบรรเทาความแค้นของเขาได้

เหยียนซีหมิงไม่รู้ตัวเลยว่าทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เหยียนต้วนหุนก็ตวัดสายตาวับหนึ่ง ด้วยเกิดการกระเพื่อมเล็กน้อยที่ภายนอกจนไม่อาจสังเกต

“แล้ว....ท่านพ่อ ท่านมีแผนรับมือสำนักมารอย่างไร? พวกเรานิ่งเฉยกันนานเกินไปแล้ว อาวุโสคุมกฎทั้งสี่คนตกตายด้วยน้ำมือสำนักมาร หากพวกเรายังคงนิ่งเงียบ ผู้คนย่อมหัวเราะเย้ยหยันว่าพวกเราอ่อนแอ”

เหยียนต้วนหุนลุกขึ้นช้าๆ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พวกเรานิ่งเงียบ สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักมารก็นิ่งเงียบเช่นกัน สถานการณ์ในยามนี้ ศัตรูและพวกเราต่างอยู่ในที่มืด ผู้ใดลงมือก่อนย่อมถูกอีกฝ่ายตลบหลัง สำนักมารสร้างชื่อยิ่งใหญ่จากงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน ลงมือก้าวร้าวล่อลวงให้พวกเราสนใจ มันอยากให้พวกเราวู่วามลงมือและเผยจุดอ่อน แต่ว่า.... ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ตอนนี้ดูเหมือนสำนักมารจะถึงขีดจำกัดความอดทนแล้ว ไม่อาจสงบรอได้อีก”

เหยียนซีหมิงเมื่อได้ยินคำและกำลังเงยศีรษะขึ้น ฉับพลันก็เห็นเหยียนต้วนหุนหมุนกายและพลักฝ่ามือขึ้นฟ้า “ว่าอย่างไรผู้ยิ่งใหญ่ มาถึงตั้งนาน เหตุใดจึงยังไม่ลงมานั่ง!!”

ตูม!

หลังคาสูงระเบิดออกดังสนั่น ปรากฎเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ ร่างที่นอนแนบอยู่ตระหนักได้ก่อนที่เหยียนต้วนหุนจะโจมตี เขาหมุนกายเอี้ยวตัวหลบขึ้นไปบนอากาศ

เหยียนต้วนหุนลงมือครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หมายเอาชีวิตผู้บุกรุกในทันที ทว่าเขาอยากยืนยันสถานะของอีกฝ่ายให้ชัดเจนก่อน เช่นเดียวกับอยากจับตัวเป็นๆเพื่อเค้นเอาคำตอบ หลังสิ้นเสียงระเบิดดังสนั่น เหยียนต้วนหุนและเหยียนซีหมิงก็กระโดดทะยานขึ้นไปบนหลังคา สำนักจักรพรรดิเหนือไร้เรื่องปั่นป่วนมานาน ดังนั้น ทันทีที่เกิดเสียงสนั่นดังขึ้น ผู้คนจึงเร่งรุดมาที่นี่อย่างรวดเร็ว

เย่หวูเฉินลอยอยู่กลางอากาศ มองยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิเหนือที่หลั่งไหลออกจากห้องของตัวเอง บางคนก็แหงนมองยังเขาที่ลอยอยู่ บางคนก็พุ่งมาอยู่เบื้องล่าง เย่หวูเฉินไร้อาการใดๆที่แสดงถึงว่าจะหลบหนี

“ประเสริฐนักจักรพรรดิมาร ลอบเข้าสำนักจักรพรรดิเหนือของข้าได้อย่างเงียบงัน แถมยังซ่อนตัวอยู่ใกล้ข้าได้เนิ่นนานนัก ตั้งแต่ข้าเกิดมา เจ้าเป็นคนแรกที่ทำได้” เหยียนต้วนหุนสีหน้ายังผ่อนคลาย ไร้ความตกใจหรือความโกรธ ทว่าข้างในตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้เลยว่าจักรพรรดิมารมาอยู่บนหลังคานานเพียงใด หากไม่ใช่ความกระเพื่อมเล็กน้อยที่หลุดรั่วออกมา เขาคงไม่มีทางรู้ตัวได้เลย สามารถปกปิดกลิ่นอายได้สมบูรณ์อยู่ใต้จมูกเขา มีเพียงจักรพรรดิมารผู้เดียวที่ทำได้!

เย่หวูเฉินแค่นเสียงออกมุมปาก สายตาตวัดผ่านเหยียนต้วนหุนและตกลงที่เหยียนซีหมิง ฉับพลันสายตาก็เกรี้ยวกราดอย่างไร้ที่เปรียบ เขารู้ว่าเหตุใดตนเองจึงเผยตัว.... ทันทีที่เหยียนซีหมิงกล่าวคำ “ข้าได้ฟาดฝ่ามือทำลายเด็กของพวกมัน” เย่หวูเฉินไม่รู้ตัวเลยว่าภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนเพียงใด เขากำหมัดแน่นจนกระดูกแทบแตก จิตสังหารเย็นเยียบหลุดรั่วออกมาอย่างไม่อาจควบคุม จนทำให้เหยียนต้วนหุนตรวจพบได้ แม้ว่าเขาจะเป็นเย่หวูเฉิน แต่เขาไม่อาจรักษาความสงบต่อหน้าเรื่องแบบนี้ได้

เหยียนซีหมิงถูกสายตาชิงชังจดจ้อง ในใจพลันรู้สึกเย็นวาบ เมื่อเขากลับคืนความสงบ หัวคิ้วก็ขมวดแน่น หากไม่ใช่เพราะเหยียนต้วนหุนจู่โจม เขาคงไม่มีวันตระหนักถึงตัวตนของผู้บุกรุกแม้แต่น้อย

“จักรพรรดิมาร!”

ทีละคนที่ออกมา ไม่ว่าสงบหรือแตกตื่น ทุกแห่งเต็มไปด้วยเสียงตะโกนที่ลอยมา คนนับสิบกระโดดมายืนอยู่ใกล้เหยียนต้วนหุน คนเหล่านี้เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด คนที่เหลือล้อมรอบอยู่ในบริเวณ แหงนศีรษะมองจักรพรรดิมารผู้รุกล้ำเข้ามายังสำนักจักรพรรดิเหนือ ท่าทางของจักรพรรดิมารดูคล้ายไม่แยแส ทุกคนในสำนักจักรพรรดิเหนือรู้จักชื่อเสียงของจักรพรรดิมาร เพียงเฉพาะเครื่องแต่งกายก็รู้จักกันทั้งปฐพีแล้ว ในสำนักจักรพรรดิเหนือมีน้อยคนนักที่เคยเห็นจักรพรรดิมาร เหยียนต้วนหุนเองก็เพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่ไม่ว่าใครก็สามารถบอกสถานะตัวตนของเขาได้ทันที

“เฮอะ สวรรค์มอบเส้นทางนับไม่ถ้วนให้เจ้าก้าวเดิน แต่เจ้ากลับเหยียบย่างมาสู่ขุมนรก ผู้ชรานี้ชื่นชมในขวัญกล้าของเจ้า สำนักจักรพรรดิเหนือของข้าตลอดหลายปีไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำเข้ามา แม้ว่าผู้ชราไม่ทราบวิธีที่เจ้าใช้เข้ามาในนี้ แต่ในเมื่อเจ้าเข้ามาแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับออกไป! หนี้เลือดที่เจ้าก่อไว้ ยั่วยุสำนักจักรพรรดิเหนือของข้า เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” ชายชราที่ยืนอยู่เบื้องหลังเหยียนต้วนหุนส่งเสียงตะโกน จากนั้น เขาย่อกายลงและพุ่งเข้าหาจักรพรรดิมาร เขาคือหนึ่งในห้ายอดฝีมือเทวะแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ เหยียนเทียนอ้าว

“ช้าก่อนท่านลุงเจ็ด อย่าพึ่งรีบร้อน ดูเหมือนตอนนี้มันมีบางอย่างจะพูด รอให้มันพูดจบก่อนแล้วค่อยจัดการ” เหยียนต้วนหุนเชิดจมูกตะโกน

เหยียนเทียนอ้าวหยุดร่างกลางอากาศทันที เพียงชั่วขณะ กลิ่นอายเทวะที่ปลดปล่อยออกก็แทบปกคลุมพื้นที่สำนักจักรพรรดิเหนือทั้งหมด เขาระงับกลิ่นอายเทวะทั้งหมดในฉับพลัน และกลับมาอยู่ข้างๆเหยียนต้วนหุน

แม้ว่าเย่หวูเฉินจะเผยตัวออกมาด้วยหัวใจที่เผาผลาญด้วยความโกรธ ทว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนก เรื่องการเผยตัวเขาคาดหมายเอาไว้แล้ว ประเด็นอยู่ที่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

สิ่งที่ตามองเห็นไม่จำเป็นต้องเป็นความจริง สิ่งที่หูได้ยินไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงเช่นกัน

ไหนเลยทายาทของข้าเย่หวูเฉินจะถูกสังหารได้โดยง่าย?

ความรู้สึกในหัวใจค่อยๆกลับคืนสู่สภาวะปกติ หลังจากที่ลมหายใจสงบราบเรียบ จิตใจก็แจ่มกระจ่าง ไร้ความคิดไขว้เขวใดๆอีก ยิ่งยามเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิเหนือที่ออกมาเป็นฝูงแมลง เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดความคิดวอกแวกหรือสูญเสียความสงบได้....

เขาไม่มองที่เหยียนซีหมิงอีก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เกิดเป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม “เราจักรพรรดิมาถึงที่นี่ เพื่อต้องการเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับพวกเจ้า”



<<<PREV    .    NEXT>>>