วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 388

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 388 วังสตรีหิมะเยือกแข็ง (2)

(ปล.แก้นิดหนึ่งครับ ตอนที่แล้วยังไม่เจอวังสตรีหิมะ)

“ท่านพ่อ หากดวงตาของท่านมองอะไรไม่เห็นอีกตลอดไป ท่านจะเสียใจมั้ย?” จู่ๆเสี่ยวโม่ก็หันศีรษะมาถาม ตั้งแต่เย่หวูเฉินตาบอด นางก็ไม่กล้ามองดวงตาเขาอีก วันนั้น น้ำเสียงและแววตาของเขาคือสิ่งที่สั่นคลอนหัวใจนาง หลายวันที่ได้อยู่ด้วยกัน สิ่งที่นางชอบทำมากที่สุดคือมองดวงตาเขา คอยฟังเขาเล่าเรื่องราว ตอนนี้ดวงตาของเขาแปลกไป ทำให้นางเป็นกังวล หัวใจยังเจ็บปวดรวดร้าว.... นางรู้ว่าตัวเองเสียใจให้กับเขา แต่นางไม่ได้ปฏิเสธความรู้สึกเสียใจนี้ เพราะว่า บนผืนแผ่นดินที่ไม่ใช่ดินแดนของนาง ในที่สุดนางก็พบเจอคนที่นางจะรู้สึกเสียใจให้ ห่วงใยเขาประหนึ่งห่วงใยตัวเอง นางเริ่มอาศัยตัวตนของเขาเป็นที่พึ่งพิงโดยไม่รู้ตัว

สายตาที่สูญเสียไป เกิดจากผนึกของพลังน่าหวาดหวั่น ผู้ที่ทราบจุดนี้เป็นคนแรกไม่ใช่ เหยียนเทียนเว่ย หรือ เหยียนต้วนชาง แต่เป็นนาง ต่อหน้าพลังผนึกสายตาของเย่หวูเฉิน แม้แต่พลังของนางก็ไร้ผล การจะลบล้างพลังน่าหวาดหวั่นนี้ออกไป มีเพียงต้องอาศัย.... คนผู้นั้น

“เสี่ยวโม่จะรังเกียจข้าไหม?” เย่หวูเฉินถามอย่างนุ่มนวล

เสี่ยวโม่สั่นศีรษะหนักหน่วง “ท่านคือพ่อข้า ข้าจะรังเกียจได้อย่างไร.... ข้าไม่เคยทำอย่างนั้น”

นางมักสังหาร ‘พ่อ’ ตัวเองเพื่อสนองอารมณ์ เมื่อกล่าวคำว่า ‘ไม่เคย’ ออกไป นางก็ชะงักค้างอย่างช่วยไม่ได้

“อืม! เช่นนั้นทำไมข้าต้องเสียใจด้วยล่ะ?” เย่หวูเฉินให้คำตอบนางด้วยรอยยิ้ม เขาเงยหน้าขึ้น จิตใจล่องลอยไปยังสถานที่ห่างไกลอีกครั้ง

ราวกับว่า เวลาเคลื่อนผ่านพร้อมฉากตรงหน้าที่ปรากฎขึ้นซ้ำๆ ในโลกรูปแบบเดียวย่อมเกิดความเบื่อหน่ายได้ง่ายยิ่ง เสี่ยวโม่มองดูโดยรอบอย่างจริงจัง ด้วยเกรงว่าจะพลาดสถานที่น่าสงสัย

“น่าจะอยู่แถวๆนี้ เสี่ยวโม่เห็นตรงไหนสะดุดตาบ้างมั้ย?” ผ่านมาเนิ่นนาน ในที่สุดเย่หวูเฉินก็เอ่ยปากขึ้น ถ้อยคำของเขาทำให้เสี่ยวโม่หยุดเคลื่อนไหวทันที

เสี่ยวโม่ไม่ได้บินสูงมากนัก อยู่ที่ระดับราว 30 เมตร ทว่าสถานที่หนึ่งที่ไกลสุดสายตา ปรากฎเป็นปราการสูงราวร้อยเมตร เป็นปราการภูเขาน้ำแข็งที่ถูกหิมะปกคลุม เผยให้เห็นบางส่วนด้านล่างที่ไม่ถูกหิมะบดบัง ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็งธรรมดา แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล แต่ยังเห็นปลายยอดภูเขาน้ำแข็งเรียงเชื่อมกันเป็นรูปวงแหวนอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่ามันล้อมบางอย่างไว้อยู่ภายใน

“ตรงนั้น.... เป็นภูเขาสูง ภูเขาที่เกิดจากน้ำแข็ง ดูเหมือนมันล้อมบางอย่างไว้ข้างใน....” เสี่ยวโม่ส่งเสียงกล่าวอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว.... มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิต เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามีคนอยู่ในนั้น ท่านพ่อ ใช่ที่นั่นหรือเปล่า?”

“ภูเขา?” เย่หวูเฉินตะลึงเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ในใจพลันผุดเสียงจากเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่พวกตระกูลเหยียนบอกเขาว่าวังสตรีหิมะตั้งอยู่ที่นี่ เขาได้ยินพวกแซ่เหยียนเอ่ยโดยไม่ตั้งใจว่า “วังสตรีหิมะเยือกแข็ง....”

เยือกแข็ง?

“เสี่ยวโม่ เราลงไปตรงนั้นกันเถอะ”

พวกเขาลดร่างลงจากกลางอากาศ หลังจากชั่วเวลาสั้นๆ พวกเขาก็ยืนอยู่หน้าภูเขาน้ำแข็งสูง เสี่ยวโม่กวาดสายตามอง ไม่อาจพบร่องรอยปากประตูทางเข้าใดๆ เย่หวูเฉินก้าวเท้าไปข้างหน้า กำหนดตำแหน่งจากการสะท้อนของสายลม เขาหยุดอยู่หน้าภูเขาน้ำแข็ง ยื่นมือออกสัมผัสผนังน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้า

ความเย็นแผ่สัมผัสที่ฝ่ามือ พลังหวูเฉินโคจรและส่งเข้าไปในผนังน้ำแข็ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงถอนมือกลับ.... ผนังน้ำแข็งนี้ไม่เพียงแน่นทึบอย่างน่ากลัว ความหนาของมันยังน่าหวาดหวั่น ด้วยความหนาที่มากกว่าหลายสิบเมตร

“เสี่ยวโม่ ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ” เย่หวูเฉินจับมือของเสี่ยวโม่ เงยหน้าขึ้นและสูดหายใจบาง จากนั้นระเบิดพลังวายุจากกายแล้วพุ่งขึ้นไป เมื่อลอยร่างอยู่เหนืออากาศกว่าร้อยเมตร ก็มองเห็นภูเขาน้ำแข็งรูปทรงวงแหวน เสี่ยวโม่อุทานเล็กน้อย

“มีอะไรเหรอ?” เย่หวูเฉินเอ่ยถาม หากวังสตรีหิมะถูกล้อมไว้ เช่นนั้นจากบนฟ้าย่อมมองผ่านภูเขาน้ำแข็งได้โดยตรง

“ข้างบน เป็นหิมะทั้งหมด” เสี่ยวโม่กล่าวตอบ ด้านในของภูเขาน้ำแข็งรูปทรงวงแหวน กลับไม่ได้ว่างเปล่า ไม่มีปราสาทตั้งอยู่ มองดูยังคงเห็นเพียงแผ่นผืนสีขาว

เย่หวูเฉินเงียบงัน จากนั้นเปลี่ยนทิศแล้วบินไปข้างหน้ากับเสี่ยวโม่ ในที่สุดก็ลอยลงตรงจุดกึ่งกลางของภูเขาน้ำแข็งรูปวงแหวน

เย่หวูเฉินอาศัยความรู้สึก ก้าวเดินตรงไป จากนั้นหยุดลงด้วยสีหน้าครุ่นคิด ปกติไม่ว่าภูเขาน้ำแข็งหรือภูเขาธรรมดา ใจกลางภูเขาย่อมมียอดสูงสุด แต่จากที่เสี่ยวโม่กล่าว ที่ล้อมอยู่คือปลายภูเขาที่สูงต่ำไม่ต่างกัน ดูคล้ายภูเขาที่เชื่อมกันเป็นวงกลม ซึ่งแน่นอนว่า มันย่อมไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็งธรรมดา

ยิ่งกว่านั้น บนนี้ยังราบเรียบเกินไป เดินมาไกลยังไม่สะดุดขัดข้อง.... ราวกับว่า กำลังเดินอยู่บนพื้นน้ำแข็งราบเรียบ ที่ถูกหิมะปกคลุมอย่างไรอย่างนั้น

พื้นน้ำแข็ง!?

เย่หวูเฉินย่อกายส่วนล่างลง เอามือแทงผ่านชั้นหิมะสัมผัสน้ำแข็งใต้เท้า มีพื้นน้ำแข็งอยู่จริงๆ พลังหวูเฉินโคจรเข้าไปในชั้นน้ำแข็ง ทะยอยส่งลงไปเบื้องล่างอย่างต่อเนื่อง.... ทันใดนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่น มันควรลึกร้อยเมตรจากพื้นผิว ทว่าหลังจากที่เขาส่งพลังลงไปได้ราว 20 เมตร มันกลับเป็นห้วงว่างเปล่าของ.... อากาศ!

เย่หวูเฉินลุกขึ้นแล้วกล่าว “เสี่ยวโม่ มาเจาะผืนน้ำแข็งใต้เท้ากันเถอะ.... เอาแค่เล็กๆก็พอ อย่าทำลายให้เปิดกว้างเกินไป”

เสี่ยวโม่มองดูที่พื้นใต้เท้า ใบหน้าฉายแววแปลกใจ นางยกฝ่ามือขึ้น กลุ่มแสงทมิฬแกร่งกล้าเริ่มกลั่นออก นางจะไม่ทราบได้อย่างไร ว่าแผ่นผืนน้ำแข็งใต้เท้านี้ไม่ใช่น้ำแข็งธรรมดา มันมีความหนาแน่นในระดับน่าหวาดหวั่น เทียบกับโลหะธรรมดาแล้ว มันแกร่งกล้ากว่าไม่รู้กี่เท่า

เมื่อควบกลั่นพลังทมิฬจนเพียงพอ เสี่ยวโม่ก็คุมขอบเขตของแรงปะทะให้เหมาะสม ทว่าขณะกำลังจะลดมือลง จู่ๆเย่หวูเฉินก็ตะโกนขึ้น “เสี่ยวโม่!”

มือของเสี่ยวโม่หยุดลงทันที มองหน้าเขาด้วยความงุนงง นางพบว่าสีหน้าของเขาตอนนี้ เป็นอารมณ์ที่นางไม่อาจเข้าใจ

พลังแห่งจิตใจกระเพื่อมบ้าคลั่ง ฉับพลันนั้น หัวใจของเขาเต้นรัวกระหน่ำ ความรู้สึกบางอย่างจู่โจมดวงใจอย่างรุนแรง มันผุดขึ้นหลังจากที่เขาส่งพลังสำรวจผ่านชั้นน้ำแข็ง เขาพบกลิ่นอายหนึ่งที่อ่อนแอยิ่ง สัมผัสได้อย่างเลือนลาง มันแปลกประหลาดอย่างมาก ทว่าเขากลับรู้สึกคุ้นเคยยิ่ง.... เขายกมือขึ้นอย่างเงียบงัน ทาบมือลง ตรงตำแหน่งหัวใจตน สัมผัสหัวใจที่เต้นบ้าคลั่ง

เขาจะไม่มีวันลืมความรู้สึกปั่นป่วนของหัวใจ ใน ณ เวลานี้

...................

...................

เพดาน , ผนัง , พื้นห้อง ทำจากน้ำแข็ง ทั้งโต๊ะ เตียง.... ทุกสิ่งอย่างล้วนทำจากน้ำแข็งทั้งหมด ในห้องที่ไม่ใหญ่เกินไป สะท้อนแสงระยิบงดงามของผลึก หากเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก ดวงตาจะต้องเคลื่อนมองด้วยประกายของแสงน้ำแข็ง

บุปผาน้ำแข็งเลื้อยเป็นเถาเล็กๆออกจากผนัง ส่งแสงน้ำแข็งระยิบงดงาม ใต้เถาดอกไม้เป็นเตียงเล็กๆ พร้อมผ้านวมหนา มีเด็กน้อยราวนางฟ้านอนอยู่ นางหลับตาแน่น จมูกเล็กๆขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ริมฝีปากบางดุจดอกไม้เผยอเปิดเล็กน้อย เด็กน้อยที่นอนหลับอยู่นี้อายุราวสองขวบ ทว่ายังคงเห็นได้ชัดว่านางเป็นเด็กหญิง เด็กหญิงอายุสองขวบกลับปรากฎความงามก่อนวัย ร่างของนางอยู่ใต้ผ้าห่มบาง ยามมองใบหน้าละมุนอ่อนหวาน กลับสัมผัสถึงความงามที่พรากลมหายใจ

นางสมควรไม่ใช่คนของโลกนี้

ที่แห่งนี้เงียบงัน นอกจากนางแล้วก็ไม่มีผู้อื่นอีก นางคือสมบัติของทุกคนที่อยู่ที่นี่ ดังนั้นนางจึงหลับไหลอย่างผ่อนคลาย นางหลงใหลกับการนอนมาก ไม่มีเสียงใดรบกวนนางได้

ทว่าวันนี้ นางกลับตื่นขึ้นก่อนเวลา

ขนตาดุจปีกแมลงกระเพื่อมเล็กน้อย ดวงตาที่ปิดอยู่ค่อยๆลืมขึ้น เผยสองดวงตาเป็นประกายดุจดารา ผ้าห่มผืนบางบนร่างถูกนางดึงออก เผยให้เห็นร่างหิมะในชุดบอบบาง นางไม่ได้ส่งเสียงใด เพียงลงจากเตียงอย่างระวัง จากนั้นติดตามความรู้สึก เดินตรงไปยังทิศทาง.... นางไม่ได้เคลื่อนที่ราบรื่นมากนัก เมื่อเดินออกจากประตูได้ไม่กี่ก้าว ร่างน้อยๆก็โงนเงนแล้วล้มลงบนหิมะนุ่ม นางไม่ได้ยืนขึ้น สองมือวางบนหิมะแล้วคลานไปยังสถานที่ที่นางปรารถนา

หิมะบนพื้นเย็นจัดถึงขีดสุด ทว่าไม่ได้ทำให้เด็กหญิงอายุสองขวบรู้สึกลำบากใดๆ เมื่อคลานไปได้เล็กน้อย ริมฝีปากเล็กๆก็อ้างับอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าต้องการส่งเสียง ทว่าไม่มีเสียงใดหลุดออกมา ดวงตาดำขลับดุจรัตติกาลดารา อย่างไรก็ตาม หากมองดูใกล้ๆ จะพบว่าดวงตานางไม่ได้จดจ่อยังสิ่งใดๆ มันเหมือนกับ.... ดวงตาของเย่หวูเฉินในตอนนี้

..................

..................

ในที่สุด เสี่ยวโม่ก็ลดมือที่พันรอบด้วยพลังทมิฬลง นี่คือพลังทมิฬที่เสี่ยวโม่ใช้ออกอย่างเต็มที่ ควบคุมขอบเขตระยะ เพิ่มอำนาจพลัง เพียงฟังจากเสียงแน่นทึบก็แทบหูดับ ชั้นน้ำแข็งหนาใต้เท้าสั่นไหวอย่างรุนแรง เกิดรูรัศมีหนึ่งเมตรลึกลงไปยังเบื้องล่าง

เพียงฟังจากเสียง เย่หวูเฉินก็ทราบว่าการโจมตีของเสี่ยวโม่เจาะทะลุชั้นน้ำแข็งลงไปลึกกว่า 20 เมตรแล้ว เวลานี้ ความรู้สึกที่กระตุ้นหัวใจยิ่งมายิ่งรุนแรง เนื่องจากตั้งแต่เขาสัมผัสได้ ต้นกำเนิดความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆตรงมาหาเขา ใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ.... ในฉับพลัน เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายนั้นเพียงอยู่แค่เบื้องล่าง

“ท่านพ่อ?” เสี่ยวโม่มองเห็นโลกที่อยู่เบื้องล่างจากหลุมนั้นทันที นางหันศีรษะไปมองเย่หวูเฉิน ปลุกเขาขึ้นมาจากภวังค์ เย่หวูเฉินพาเสี่ยวโม่กระโดดลงไปทันที

เท้าตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว สัมผัสยังคงเป็นหิมะนุ่ม ทันทีที่เท้าแตะลงถึงพื้น ทุกส่วนในร่างของเย่หวูเฉินท่วมท้นด้วยอารมณ์พิเศษ เขาผู้ไม่เคยร้องไห้ ตอนนี้ในจมูกกลับกำลังอัดอั้นจากการสะอื้น....

นี่คือแรงกระทบทางอารมณ์ ที่ผูกโยงกันทางสายเลือดและวิญญาณ หลังจากชีวิตสูญเสียสิ่งที่สำคัญสูงสุดไป พอได้กลับคืนมาหัวใจก็สั่นไหวรุนแรงอย่างไม่อาจอดห้าม เขาเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แม้ว่าไม่อาจมองเห็น แต่ความรู้สึกนั้นอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม



<<<PREV    .    NEXT>>>