วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 385

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 385 มุ่งสู่ชางหลาน

“วังสตรีหิมะ? ทำไมต้องไปที่นั่นด้วยล่ะ?”

“เอ๋!? จริงสิ! เสวี่ยหนี่ได้ชื่อว่าแพทย์เทวะอันดับหนึ่งในใต้หล้า บางทีนางอาจสามารถรักษาดวงตาของพี่นายท่านได้” เหยียนกงรั่วดวงตาฉายแววแจ่มจ้า ทอประกายแห่งความหวัง

“ข้าไปตามหาคนผู้หนึ่ง” เย่หวูเฉินตอบ ดวงตาของเขาไม่อาจรักษาได้ด้วยวิธีทางการแพทย์ แม้แต่แพทย์เทวะอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็ย่อมไม่อาจมีหวัง

เหยียนเทียนเว่ยสงบสุขุมตามปกติ เขาไม่ได้ซักถามถึงเหตุผล หากถามออกไปโดยตรง “ไปเมื่อไหร่?”

“ตอนนี้” เย่หวูเฉินตอบ เขาไม่อยากรอแม้ชั่วขณะเดียว ไม่อย่างนั้น หัวใจที่หนักหน่วงราวมีหินกดไว้คงไม่อาจยืนนั่งได้เป็นสุขอีก กล่าวอีกอย่างก็คือ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปดูด้วยตาตนเอง หัวใจของเขาตอนนี้ติดตรึงอยู่ที่แดนดินเหนือสุดขั้ว

เหยียนเทียนเว่ย และ เหยียนต้วนชาง พยักหน้าตามกัน สำหรับพวกเขาแล้ว การเชื่อฟังเย่หวูเฉินได้กลายเป็นสัญชาตญาณติดแน่นในกระดูก ไม่จำเป็นต้องไต่ถามถึงเหตุผลใดๆ ยิ่งได้ติดตามเย่หวูเฉินตลอดหนึ่งปีความชื่นชมยิ่งประทับในใจ แม้ว่าพลังของเย่หวูเฉินจะต่ำด้อยกว่าพวกตนไปไกล ทว่าต่อหน้าเขา พวกตนต่างปรารถนาทำตาม  ไม่คิดดื้อรั้นหรือสงสัย เขากล่าว “พวกเราจะรีบเตรียมการทันที”

“ไม่จำเป็น พวกท่านอยู่ที่นี่แหละ คอยปกป้องคนในตระกูลข้าเงียบๆ เหยียนซีหมิงแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือเกลียดชังข้าถึงกระดูกดำ มันย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดมือ หลังจากที่สำรวจแล้ว มันย่อมรุกล้ำตระกูลเย่ของข้า ดังนั้น ข้าขอมอบหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของตระกูลเย่ให้กับพวกท่าน” เย่หวูเฉินใช้น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าห้ามโต้แย้ง

“แต่ว่า....”

“ข้าเตรียมการไว้แล้ว อย่าห่วงเลย” เย่หวูเฉินยกมือขึ้นหยุดคำของเหยียนกงลั่ว บอกทุกคนว่าเขามีแผนล่วงหน้า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดมากอีก

“เอาละ เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราจะคอยปกป้องที่นี่และรอเจ้านายกลับมา เจ้านายโปรดวางใจได้ขณะเดินทาง เมื่อมีพวกเราแล้ว ตระกูลเย่ตั้งแต่สูงยันต่ำย่อมไม่เป็นอะไร” เหยียนเทียนเว่ยมิได้ขัดขืน และกล่าวอย่างองอาจ แม้ว่าเขาห่วงความปลอดภัยของเย่หวูเฉินในช่วงเดินทาง แต่เขาทราบนิสัยของเย่หวูเฉินดีว่าเขาย่อมมีแผนบางอย่างไว้ในใจ ดังนั้นเหยียนเทียนเว่ยจึงไม่กล่าวต่อ รับคำสั่งเย่หวูเฉินและทำหน้าที่อย่างเชื่อฟัง

“เสวี่ยเอ๋อร์” เย่หวูเฉินย่อกายลง จับไหล่บางของหนิงเสวี่ยและกล่าวอย่างอ่อนโยน “เมื่อข้าไปแล้ว เจ้าอย่าลืมบอกพี่หญิงกับท่านแม่ว่าข้าถูกท่านปู่ฉู่พาตัวไป บอกว่าเขาพาข้าไปยังอาณาจักรชางหลาน เพื่อตามหาเสวี่ยหนี่แพทย์เทวะอันดับหนึ่งในใต้หล้าให้รักษาดวงตา จำได้ใช่ไหม? อ้อ อีกอย่าง หากพี่หญิงโหรวโหรว และ พี่หญิงฮวงเอ๋อร์ มาหา ก็ให้บอกแบบเดียวกัน ตกลงนะ?”

หนิงเสวี่ยชะงักงัน ไม่ได้พยักหน้า ท่าทางดูแตกตื่นขณะมองดวงตาเขา “ท่านพี่ ท่านจะไม่พาข้าไปด้วยเหรอ?”

เย่หวูเฉินเผยรอยยิ้มบาง ลูบผมนางและกล่าว “ที่นั่นหนาวเย็นมาก แม้มันไม่มีผลต่อข้า แต่สามารถเย็นกัดทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์ของข้าได้ ดังนั้น หน้าที่ดูแลทงซิน ข้าขอมอบให้เสวี่ยเอ๋อร์จัดการได้ไหม?”

ตอนเหนือของอาณาจักรชางหลานคือดินแดนหนาวเย็นสุดขั้วในทวีปเทียนเฉิน ที่นั่นยังเป็นที่ตั้งของวังสตรีหิมะ หนาวเย็นเกินขอบเขตที่มนุษย์จะทานทน ยกเว้นสัตว์อสูรบางพวกที่ชื่นชอบความเย็น ที่เหลือย่อมไม่อาจพบเห็นสิ่งมีชีวิตอื่นอีก ทุกปีจะมีคนมากมายเดินทางไปวังสตรีหิมะและแข็งตายระหว่างทาง สภาพอากาศเลวร้ายเพียงใดย่อมพอจินตนาการได้

เย่หวูเฉินมีภูมิต้านทานต่อธาตุน้ำ ไม่เกรงกลัวความหนาวเย็น ต่อให้อุณหภูมิศูนย์องศาสัมบูรณ์ก็ไม่มีผลใดๆ แต่นั่นไม่ใช่หนิงเสวี่ยและเด็กหญิงธรรมดาทั่วไปจะทานทนได้

หนิงเสวี่ยไม่เต็มใจ แต่นางรู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะจำเป็น เย่หวูเฉินย่อมไม่มีวันทิ้งนางไว้ นางพยักหน้าน้อยๆด้วยความเสียใจ “ข้าจะดูแลพี่ทงซินให้ดี ท่านพี่จะต้องรีบกลับมานะ”

รีบกลับมา.... ถ้อยคำเหล่านี้หนิงเสวี่ยจะต้องกล่าวทุกครั้งที่แยกกับเย่หวูเฉิน แม้นางจะกล่าวคำพวกนี้ออกมาหลายครา แต่ได้ยินคราใดหัวใจของเย่หวูเฉินจะอบอุ่นทุกครั้ง เขาชื่นชอบการยึดติดของนางที่มีต่อเขา

“แต่ว่า.... พี่นายท่าน ข้าได้ยินว่าวังสตรีหิมะไม่เพียงหนาวเย็นสุดขั้ว แต่ยังมีสัตว์อสูรดุร้าย ยามนี้ดวงตาของท่านมองไม่เห็นอะไร แล้วท่านจะไปที่นั่นคนเดียวได้อย่างไร” เหยียนกงรั่วรู้จักอุปนิสัยของเย่หวูเฉินดี รู้ดีว่าเมื่อเขาตัดสินใจแล้วย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ทว่าตอนนี้เขาสูญเสียสายตา ไหนเลยจะไปคนเดียวได้

“หืม? ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะไปคนเดียว” เย่หวูเฉินลุกขึ้นยืน อาศัยความรู้สึก ยื่นมือออกแตะจมูกของเหยียนกงรั่วเบาๆ

เหยียนกงรั่วไม่อาจควบคุมตัวเอง ยกมือขึ้นแตะตรงที่เขาสัมผัส “พี่นายท่านจะไปกับใครเหรอ?”

เย่หวูเฉินย่อกายลงเล็กน้อย ยื่นมือออกจับมือของเสี่ยวโม่ กล่าวอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวโม่อยากไปแดนเหนือกับพ่อหรือเปล่า?”

“อื้ม! ข้าจะปกป้องท่านพ่อเอง” เสี่ยวโม่ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าและพยักหน้าหนัก เพราะว่าช่วงเวลาถัดจากนี้ นางจะได้อยู่กับเขาเพียงลำพัง เขาเป็น ‘พ่อ’ ของนาง ในดินแดนแห่งนี้เป็นผู้เดียวที่เข้าใจนางทั้งหมด ทำให้นางรู้จักการกลายเป็นที่ถูกรัก นางจึงหลงใหลความรู้สึกนั้นอย่างคลั่งไคล้ และมีความปรารถนาเห็นแก่ตัว

“....พี่นายท่าน นางเป็นลูกสาวของท่านจริงๆเหรอ?” เหยียนกงรั่วเปิดริมฝีปากชมพูถามอย่างอ่อนแอ ไม่เพียงนางเท่านั้น สายตาของทุกคนตกลงบนร่างของเย่หวูเฉินและเสี่ยวโม่อย่างไม่ละวาง แววตาแปลกแปร่งเหนือคำบรรยาย ก่อนหน้านั้น เสี่ยวโม่พูดคนเดียวว่าเย่หวูเฉินเป็นพ่อของนาง ทุกคนต่างคิดว่าเป็นเรื่องตลกของเด็กสาว คิดไม่ถึงว่า....

หากเย่หวูเฉินมีสตรี ไหนเลยพวกเขาจะไม่รู้ ยิ่งกว่านั้นดูจากอายุแล้ว ทั้งสองไม่มีทางเป็นพ่อลูกกันได้แน่ๆ

เย่หวูเฉินยิ้ม แต่ไม่กล่าวตอบและจูงมือของเสี่ยวโม่ “ไปกันเถอะ”

เซียงเซียงปรากฎขึ้นบนไหล่ ส่งยิ้มชวนมองให้กับทุกคน กล่าวลาว่า “อิ๊” เบาๆ จากนั้นแสงขาวนุ่มนวลกลุ่มหนึ่งก็พาเย่หวูเฉินกับเสี่ยวโม่จากไป

“ใช่แล้ว ความรู้สึกนี้คือพลังลึกลับที่พาข้ามาในตอนนั้น” ฉุ่ยหยุนเทียนมองยังตำแหน่งที่เย่หวูเฉินกับเสี่ยวโม่หายตัวไป สัมผัสถึงพลังตัดมิติอันลึกลับที่คงค้างไว้ และกล่าวด้วยความอัศจรรย์ใจ หลายวันก่อนเขาถูกนำตัวมาจากสำนักจักรพรรดิใต้ที่ถูกทำลาย มาสู่ห้องลับของตระกูลเย่ด้วยพลังนี้ ยามนั้นเขารู้สึกราวกับตัวเองฝันไป

“นี่สมควรเป็นการตัดมิติ ข้าเองก็เหมือนท่านพ่อ ก่อนหน้านั้นถูกนำตัวมาที่นี่อย่างงุนงง สมแล้วที่เป็นจอมราชัน เรื่องแบบนี้นับว่าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน” ฉุ่ยอู๋เชวกล่าวเสริมคำพูดของบิดา

ฉุ่ยหยุนเทียน และ เหยียนต้วนชาง มองหน้าของแต่ละฝ่าย เหนือใบหน้าเผยรอยยิ้มลึกลับ โลกนี้ราวกับโรงละคร ชะตาเต็มไปด้วยความผลิกผัน สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือต่อสู้กันมาไม่รู้กี่ปี คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ ทั้งสองผู้มีสายเลือดบริสุทธิ์ของจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ สองคนผู้ได้ชื่อว่าเป็นประมุขแท้จริงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ กำลังถูกผลักไสให้ออกจากวิถีชีวิตดั้งเดิม โคจรมาพบเจ้านายเดียวกัน ด้วยการจัดสรรของโชคชะตา ทำให้ต้องหยัดยืนเคียงกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบเดียวกัน ทำให้พวกเขายิ่งตระหนักว่าต่างต้องร่วมมือ ในภายภาคหน้า สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือทำงานร่วมกัน ติดตามเจ้านายไปยังเส้นทางชีวิตใหม่ เส้นทางนี้จะพาไปยังจุดหมายใด พวกเขาไม่รู้ แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร พวกเขาย่อมไม่เสียใจทีหลัง

....................

....................

ฮั่วฉุ่ยโหรวเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังบ้านหมอหลวงหลี่ หมอหลวงหลี่มีสถานะสูงสุดในวงการแพทย์แห่งเมืองเทียนหลง เป็นตัวตนสูงส่งและภาคภูมิ ทักษะการรักษาเกือบเรียกได้ว่าไร้ที่เปรียบ เมื่อฮั่วฉุ่ยโหรวไปโผล่อยู่หน้าบ้านหมอหลวงหลี่และกังวลอยู่สองนาน เขาก็คล้ายพยายามยืนยันอยู่นานด้วยสายตาชราที่ยาวขึ้น

“คุณหนูตระกูลฮั่ว เจ้ามาหาชายชรามีเรื่องอันใดหรือ?” หมอหลวงหลี่เอ่ยถาม ฮั่วฉุ่ยโหรวมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องรูปโฉม เป็นที่รับรู้ทั่วทั้งเมืองเทียนหลง หญิงสาวกระวนกระวายที่หน้าบ้านอยู่นานโดยไม่ก้าวเข้ามา ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ

“ใต้เท้าหลี่ ท่านคือหมอเทวะฝีมือสูงสุดในเมืองเทียนหลง ท่านโปรดบอกข้าได้ไหม.... ว่าวิธีใดสามารถรักษาดวงตาของว่าที่สามีข้าได้” ฮั่วฉุ่ยโหรวกุมมืออยู่ตรงอก เอ่ยถามด้วยอย่างกระวนกระวาย

หมอหลวงลี่เมื่อได้ยินคำ ความสงสัยในใจก็สลายลงทันที สามปีก่อนหลังการตายของเย่หวูเฉิน ความงมงายของฮั่วฉุ่ยโหรวทำให้เมืองเทียนหลงต้องชื่นชมด้วยหัวใจหวั่นไหว ตอนนี้นางมาหาเขาเป็นการเฉพาะเพื่อเย่หวูเฉินว่าที่สามีของนาง ในใจของหมอหลวงหลี่อ่อนโยนลง เขาพยายามไม่หักหาญน้ำใจสตรีบอบบางผู้นี้ ลดน้ำเสียงกล่าวคำให้ช้าลงที่สุด และบอกความจริง “ฮ่าย ชายชราผู้นี้ไร้ความสามารถ ไม่คู่ควรกับคำว่า ‘หมอเทวะ’ ดวงตาของนายน้อยเย่.... ฮ่าย ผู้ชราไม่อาจตรวจหาสาเหตุของอาการ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”

“งั้น.... ถ้าเปลี่ยนดวงตาล่ะ? ถ้าเปลี่ยนดวงตาจะช่วยให้เขากลับมามองเห็นได้หรือเปล่า?” ฮั่วฉุ่ยโหรวกำมือแน่นอยู่ตรงอก หัวใจยิ่งมายิ่งบีบรัด บุคคลเสียการมองเห็นเท่ากับสูญเสียโลกครึ่งใบ เย่หวูเฉินไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกาย แม้นางเจ็บปวดแต่ยังสามารถยอมรับ เพราะนางสามารถดูแลเขาได้ตลอดชีวิต แต่ตอนนี้เขาสูญเสียสายตาและไม่อาจมองเห็นนางได้อีก ไหนเลยนางจะยอมรับได้

“เปลี่ยนดวงตา? นี่มัน....” หมอหลวงหลี่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นใบหน้ากลายเป็นครุ่นคิด ผ่านไปพักหนึ่งจึงกล่าวพึมพำ “เปลี่ยนดวงตา จริงสินะ.... หากเปลี่ยนดวงตาได้สมบูรณ์ บางทีอาจสามารถ....”

แม้ได้ยินเสียงอ่อนแอและลังเลจากเขา ฮั่วฉุ่ยโหรวก็ราวกับคว้าแสงแห่งความหวังได้ นางรีบกล่าวอย่างร้อนใจ “ใต้เท้าหลี่ ท่านพอมีวิธีหาดวงตาให้สามีข้าได้หรือไม่?”

หมอหลวงหลี่เมื่อได้ยินก็ตกใจ รีบสั่นศีรษะและโบกไม้โบกมือ เหงื่อเย็นยังผุดออก “เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ทำไม่ได้! เรื่องอย่างนี้ไม่อาจทำส่งเดชได้”

“ตราบใดที่สามารถช่วยสามีให้กลับมามองเห็น ไม่ว่าวิธีใดข้าก็พร้อมลองดู ใต้เท้าหลี่ ท่านช่วยเปลี่ยนดวงตาของข้ากับสามีได้หรือไม่? ต่อให้ทำไม่สำเร็จ ข้าก็ยินดีกลายเป็นคนตาบอดร่วมกับสามี” ฮั่วฉุ่ยโหรวกัดริมฝีปาก คิดถึงดวงตาของเย่หวูเฉินที่ไร้สีสันและมองอย่างไร้จุดหมาย หัวใจของนางก็ร้าวราน ม่านตางามเริ่มพร่าไหว

“.......” หมอหลวงหลี่รู้สึกราวกับมีบางอย่างฟาดเข้ามาในอก เกิดคลื่นระลอกปั่นป่วน เขาใช้ดวงตาชรามองยังดวงตาของหญิงสาวบอบบาง ลอบถอนหายใจอย่างเงียบงัน ช่างงมงายเหลือเกิน อย่าว่าแต่ตาบอดเลย ต่อให้ใช้ชีวิตแลกนางก็คงไม่ลังเล เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่กล่าวอย่างอ่อนโยน “คุณหนูฮั่ว เจ้าไม่คิดหรือว่าต่อให้ผู้ชราตอบตกลงที่จะเปลี่ยนดวงตาของเจ้ากับนายน้อยเย่จริงๆ แล้วนายน้อยแห่งตระกูลเย่เขาจะยอมรับ? ต่อให้วิธีนี้สามาถฟื้นฟูการมองเห็นของเขาให้กลับมา แต่สิ่งที่เขารู้สึกจะเป็นความสุข หรือเสียใจและชิงชังตัวเองตลอดชั่วชีวิต?”

“ข้า....”

“เด็กโง่เอ๋ย แม้พวกเราหมอหลวงไม่อาจหาสาเหตุของโรคภัย แต่ไม่ได้หมายความว่าดวงตาของนายน้อยเย่จะไม่อาจฟื้นฟู แผ่นดินกว้างใหญ่ ย่อมไม่ไร้หมอเทวะ จะต้องมีคนที่สามารถรักษาดวงตาของนายน้อยเย่ได้ เจ้าเองก็ย่อมมองเห็นจุดนี้ สรุปแล้วการเปลี่ยนดวงตามิอาจทำได้เด็ดขาด ผู้ชรากับนายน้อยเย่แม้ติดต่อกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็บอกได้ว่าเขาย่อมไม่ยินดีกับเรื่องนี้ ไม่ปรารถนาให้ผู้อื่นบกพร่องเพราะตัวเอง ไม่ต้องกล่าวถึงดวงตาเจ้า ต่อให้เป็นดวงตาของคนอื่น เขาก็ย่อมไม่ยอมรับ เฮ้อ เด็กโง่เอ๋ย เจ้าจงกลับไปก่อน คอยดูแลนายน้อยเย่ให้ดี ชายชราผู้นี้จะรีบไปพบเหล่าสหายที่เป็นหมอ ผู้มีฝีมือรักษาชั้นยอดทุกคนที่ข้ารู้จักในชั่วชีวิต บางทีพวกเขาอาจรู้วิธี”

ฮั่วฉุ่ยโหรวก้มศีรษะลงและกัดริมฝีปาก นางรู้ดีว่าการตัดสินใจของตัวเองนั้นโง่เขลาอย่างมาก แต่อย่างที่กล่าวว่าเพื่อเย่หวูเฉิน นางพร้อมลองดูไม่ว่าวิธีการใด ต่อให้มันเป็นวิธีที่โง่เขลาอย่างมาก

“ขอบคุณใต้เท้าหลี่” ฮั่วฉุ่ยโหรวโค้งศีรษะเล็กน้อยพอเป็นพิธี นางเคลื่อนฝีเท้าปทุมออกไปอย่างเงียบเชียบ หมอหลวงหลี่มองแผ่นหลังของนางจนหายลับไป นั่งลงและถอนหายใจยาว ไม่ทราบว่าสลดใจกับสิ่งใด คำขอน่าตกใจของฮั่วฉุ่ยโหรว ทำให้เขารู้ว่าความงมงายของสตรีผู้นี้เป็นของจริง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เขาไม่อาจยอมรับคำขอของนางได้.... แม้จะเพิกเฉยต่อเหตุผลทุกอย่าง และต่อให้เขาทำสำเร็จ บิดาผู้รักใคร่ลูกสาวอย่างฮั่วเจิ้นเทียนย่อมมาฉีกร่างเขาเป็นคนแรกแน่



<<<PREV    .    NEXT>>>