วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 369

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 369 จอมราชันแห่งจักรพรรดิใต้

เสียงย่ำเท้าไม่ได้ปลุกคนเสียสติผู้เงียบเสียงได้ยากให้รู้ตัวแต่อย่างใด เสียงโหยหวนดุจหมาป่าดังจากมาจากเบื้องหน้า ผสานกับเสียงโซ่ตรวนกระทบที่ถูกดึง ทำให้ผู้คนที่ได้ยินจินตนาการถึงสัตว์ร้ายที่ดิ้นรนให้หลุดจากโซ่

ความมืดตรงหน้าไม่อาจบดบังสายตาของเย่หวูเฉิน และยิ่งไม่อาจบดบังสายตาของทงซิน พวกเขามองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าในร่างสีเทา ศีรษะกระเซอะกระเซิง ถูกโซ่สีทองพันไว้อยู่.... กลับเป็นบุคคลไม่ใช่สัตว์ร้าย

ความมืดไม่อาจบดบังสายตาของชายเสียสติได้เช่นกัน เขามองไปที่สองคนแปลกหน้า ที่ก้าวเข้าหาตนเองช้าๆ ฉับพลันยิ่งตะโกนรุนแรงขึ้น สองมือกวักอากาศรุนแรง ราวกับจะดิ้นให้หลุดจากโซ่ คล้ายจะฉีกร่างของพวกเขา เบื้องหน้าเป็นบุรุษและสตรี กำลังมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความประหลาดใจหรือหวั่นกลัว กลับกันพวกเขาสงบอย่างผิดปกติ เขาจึงยิ่งคำรามบ้าคลั่งด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว

เย่หวูเฉินหยุดลงตรงหน้าห่างไม่ถึงสองเมตรจากเขา ทงซินหยุดลงที่ด้านข้าง ทั้งสองมองดูชายเสียสติที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ชายเสียสติพลันตระหนักถึงบางสิ่ง เสียงตะโกนจึงอ่อนลงเล็กน้อย ระหว่างผมเผ้าที่ห้อยลง เผยดวงตาเป็นประกายบาง เขาปราดตามองทั้งสองอย่างรวดเร็ว

สามารถเข้ามาในสำนักจักรพรรดิใต้ได้โดยตรง นี่คือจุดมุ่งหมายตั้งต้นที่เย่หวูเฉินให้ฉุ่ยเมิ่งฉานจับตัวเขาเข้ามายังสำนักจักรพรรดิใต้ ตราบใดที่เขาต้องการ เซียงเซียงสามารถพาเขาเข้ามาด้วยพลังมิติของนางในพริบตา ทุกอย่างล้วนเพื่อวันนี้ เพื่อทักทายบุคคลผู้นั้น และมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้สำนักจักรพรรดิใต้ที่ไม่สมควรดำรงอยู่

“หนานเอ๋อร์ ออกมา”

แสงสีทองเรืองรองผ่านความมืด นี่คือกระบี่หนานฮวงที่เย่หวูเฉินไม่ได้ถือในมือมานานแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว เหวี่ยงมือสัมผัสคมกระบี่ลงบนโซ่ตรวนสีทอง

โซ่ตรวนผนึกปีศาจเมื่อถูกกระบี่ตัดดาราสัมผัสก็แยกออกราวแผ่นน้ำ มันขาดออกอย่างเงียบงัน ตกลงบนพื้นกระจัดกระจาย ส่งเสียงทึบบางบนพื้นที่ชื้นแฉะ เพียงหนึ่งกระบี่ โซ่ตรวนที่พันรอบร่างก็ขาดออกโดยง่าย ปล่อยเขาให้กลับสู่อิสระ เย่หวูเฉินไม่เก็บกระบี่ตัดดารากลับคืน เขากดด้ามกระบี่ จิ้มปลายกระบี่ลงพื้น มองยังบุคคลที่ลืมส่งเสียงโหยหวนแล้วกล่าว “ฉุ่ยหยุนเทียน เจ้าเป็นอิสระแล้ว ที่นี่มีปราการกั้นเสียงทางเดียว ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้างนอกก็ไม่มีทางได้ยินเสียง”

ฉุ่ยหยุนเทียนยังคงอยู่ในท่าเดิม สีหน้าชะงักงัน สายตาจ้องค้าง แม้ว่าได้เตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ยังคงไม่อาจตั้งตัวจากความตื่นเต้นดีใจครั้งใหญ่ นอกจากคนผู้นั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกขังอยู่ในนี้มามากกว่า 20 ปี ทันทีที่ได้รับอิสระก็พลันรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน เขามองที่มือทั้งสองของตัวเอง มองยังเท้าสองข้าง แววตาค่อยๆกลับคืนสู่สภาพปกติ เขาเปิดผมออก ดวงตาจับจ้องที่เย่หวูเฉิน ต่างฝ่ายจ้องมองกันอย่างนิ่งงัน 23 ปีแห่งความเจ็บปวด อารมณ์จะเป็นแบบใดย่อมจินตนาการได้ นอกจากการชะงักงันชั่วสั้นๆ เขาไม่ตื่นเต้นดีใจ เพียงมองสองคนตรงหน้าอย่างนิ่งงัน

ทันใดนั้น เขากระทำเรื่องประหลาด ยกมือขวาขึ้นฉับพลันแล้วทุบที่ท้องน้อยตัวเอง จากนั้นขย้อนบางอย่างขึ้นที่อก จากนั้นขึ้นลำคอ สุดท้ายมาถึงปากอย่างรวดเร็ว

เย่หวูเฉินหัวใจกระเพื่อมเล็กน้อย เขาไม่ส่งเสียงใด เพียงมองเขาโดยไม่กล่าวคำ

อ้วก....

ฉุ่ยหยุนเทียนโน้มกายลงเบื้องหน้า ทันใดนั้นก็คายบางสิ่งสีทองออกมา มันร่วงตกลงบนพื้นโคลน และเปล่งแสงสีทองสว่างเรืองรอง ในขณะเดียวกันนั้น กระบี่ตัดดาราในมือเย่หวูเฉินก็ถูกแสงสีทองเข้าห่อหุ้มทันที มันยิ่งเปล่งแสงเข้มข้นขึ้น ราวกับเกิดการประสานสั่นพ้อง

ฉุ่ยหยุนเทียนหยิบมันขึ้นในมือ เช็ดทำความสะอาดกับเสื้ออย่างระวัง จนกระทั่งมันสะอาดเป็นเงา ไร้สิ่งสกปรกอีก เขาเคลื่อนไหวอย่างทะนุถนอมราวกับสิ่งที่อยู่ในมือเป็นของที่บอบบางที่สุดในโลก

“หยกจักรพรรดิใต้” เย่หวูเฉินมองสิ่งนั้นที่มีขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือ มันเป็นจี้หยกรูปกระบี่ เขาเรียกชื่อของมันด้วยเสียงเบา ก่อนหน้านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเหยียนเทียนเว่ย เหยียนเทียนเว่ยก็นำ “หยกจักรพรรดิเหนือ” สีแดงออกมาเมื่อเห็นคันศรบาปวิบัติในมือเย่หวูเฉินเช่นกัน และนี่คือหยกจักรพรรดิใต้ ซึ่งสำนักจักรพรรดิใต้ใช้สำหรับยืนยันตัวตนของกระบี่ตัดดาราเช่นเดียวกัน

“ถูกต้อง นี่คือหยกจักรพรรดิใต้ คือสัญลักษณ์ยืนยันสถานะประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ทุกรุ่น คือสิ่งที่สำนักจักรพรรดิใต้ของข้าไม่มีวันละทิ้ง มีค่ามากกว่าหมื่นเท่าเมื่อเทียบกับหยกราชวงศ์ของแต่ละอาณาจักร ในอดีต ข้าอาศัยจังหวะที่พวกมันไม่เห็นกลืนมันลงท้อง.... ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่มีวันมอบสิ่งนี้ให้พวกมัน.... พวกมันไม่คู่ควรกับสิ่งนี้!” ฉุ่ยหยุนเทียนถือหยกจักรพรรดิใต้ในมือ ส่งเสียงเกลียดชังออกจากมุมปาก หยกจักรพรรดิใต้คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เขายืนกรานไม่ยอมตาย

เมื่อเสียงชิงชังหยุดลง เขาก็รีบสืบเท้าก้าวหนึ่ง คุกเข่าอย่างหนักหน่วงลงตรงหน้าเย่หวูเฉิน “ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้รุ่นปัจจุบัน ฉุ่ยหยุนเทียนขอคารวะท่านจอมราชัน! เพื่อตอบแทนความเมตตาที่จอมราชันช่วยไว้ ข้าฉุ่ยหยุนเทียนจะติดตามจอมราชันนับแต่บัดนี้ ยอมเป็นวัวและม้าไม่มีวันทรยศ! หากผิดคำพูด ขอให้ฟ้าดินลงทัณฑ์!”

คุกเข่าและกล่าวคำโดยไร้ความลังเล สาบานอย่างเด็ดเดี่ยวไร้ที่เปรียบ เย่หวูเฉินพยักหน้าเล็กน้อยและก้าวเข้าไปประคองเขาขึ้นมา “ฉุ่ยหยุนเทียน หลายปีมานี้เจ้าย่อมเจ็บปวดไม่น้อย เจ้าวางใจได้ว่าเมื่อคุกเข่าให้ข้าและเรียกข้าว่า ‘จอมราชัน’ ข้าจะไม่ทำลายความเชื่อมั่นและภักดีของเจ้า เจ้าบอกได้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

ฉุ่ยหยุนเทียนลุกขึ้น ก้มศีรษะขณะกล่าว “ไม่ว่าจอมราชันจะเป็นใคร ฉุ่ยหยุนเทียนจะภักดีต่อจอมราชันเสมอ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอื่น.... แต่จอมราชันใช้แซ่เย่ใช่หรือไม่? ข้างกายของจอมราชัน คือผู้ที่ทำโลกหล้าสั่นสะเทือนเมื่อ 20 ปีก่อน ในวันนั้นยังสังหารพวกฉุ่ยจนเกลื่อนกลาดทั่วทุกแห่ง ตัดแขนของฉุ่ยหยุนหลัน ทำให้สำนักจักรพรรดิใต้ประสบคราวเคราะห์สาหัส ด้วยน้ำมือของสตรีเทพพิโรธ!?”

เย่หวูเฉินพยักหน้า อย่างไรก็ตามเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “สมแล้วที่เป็นฉุ่ยหยุนเทียน เจ็บปวดทรมานมามากกว่า 20 ปี แต่ไม่เคยสูญเสียสติปัญญา”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฉุ่ยหยุนเทียนหัวเราะลั่น “เรื่องนี้ต้องขอบคุณฉุ่ยหยุนหลัน เวลามันอารมณ์เสียแต่ละครั้ง มันจะมาดูสภาพน่าสมเพชของข้าเพื่อระบายความคับข้องใจ ปรับสภาพจิตใจให้สมดุล ทำให้ข้าได้รู้เรื่องที่สมควรรู้ ก่อนหน้านี้ข้าครุ่นคิดอย่างหนักมาหลายวัน ว่าผู้ใดสามารถสร้างหายนะให้ทั้งสำนักได้ถึงเพียงนี้ สมแล้วที่เป็นท่าน จอมราชันแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ มีเพียงจอมราชันเท่านั้น ที่สามารถเคลื่อนลมฝนในสำนักจักรพรรดิใต้ได้ถึงเพียงนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

เขาเปล่งเสียงเต็มที่ออกลำคอ หัวเราะอย่างไร้ยางอาย ไร้ความแหบแห้งและแปลกแปร่งขณะหัวเราะลั่น ไม่กังวลว่าคนภายนอกจะได้ยิน เพราะเย่หวูเฉินเพิ่งบอกกับตนว่าไม่ว่าจะส่งเสียงใดก็ไม่มีทางได้ยินไปถึงข้างนอก เวลานี้ ต่อหน้าชายหนุ่มผู้กุมกระบี่ตัดดารา เขาไร้ความสงสัยใดๆอีก และปลดปล่อยอารมณ์อย่างเต็มที่

“ฟังจากเสียงหัวเราะของเจ้า ดูเหมือนเจ้าจะคิดว่าสำนักจักรพรรดิใต้ในปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นต้องมีอยู่” เย่หวูเฉินมองเขาขณะกล่าว

ฉุ่ยหยุนเทียนสีหน้าทะมึนลง แววตาหม่น กัดฟันขณะกล่าว “ถูกต้อง สำนักจักรพรรดิใต้ในปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นต้องมีอยู่.... เพราะสำนักจักรพรรดิใต้ในปัจจุบันไม่คู่ควรใช้ชื่อ ‘จักรพรรดิใต้’ อีกต่อไป! ในกระดูกของพวกมันที่ไหลเวียนอยู่คือเลือดสำส่อน เหตุผลการดำรงอยู่และภารกิจที่สำนักจักรพรรดิใต้มอบหมายไว้ พวกมันได้ละทิ้งไปนานแล้ว พวกมันไม่คู่ควรต่อการดำรง! ไม่คู่ควรดำรงอยู่อีกต่อไป!”

เย่หวูเฉิยค่อยๆหรี่ตาลงและกล่าวช้าๆ “ถ้าอย่างนั้น.... หากสำนักจักรพรรดิใต้ถูกทำลายสิ้น เจ้ายอมรับได้หรือไม่?”

ฉุ่ยหยุนเทียนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆกลับสู่ความสงบ เขาจ้องมองที่เย่หวูเฉินและถอนหายใจบาง “ทำลายสำนัก.... ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ สำนักจักรพรรดิใต้ดำรงอยู่มานานเท่าใด ไม่มีใครรู้แน่ชัด ทว่าตลอดหลายปีที่สั่งสมกำลัง สำนักจักรพรรดิใต้กลับมีพลังสูงส่งเทียมฟ้าในระดับเดิม.... จอมราชัน ท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือถึงไม่เคยมีคนเกินหนึ่งหมื่น?”

“กฎ” เย่หวูเฉินกล่าวตอบสั้นๆ

“ถูกต้อง มันคือกฎ” ฉุ่ยหยุนเทียนเคลื่อนสายตา “จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือคู่ควรแล้วที่เป็นเทพสูงสุดผู้ทำลายโกลาหล เมื่อทั้งสองทิ้งสายเลือดของตัวเองไว้เบื้องหลัง ก็ไม่ละเลยสิ่งที่จะสร้างปัญหาขึ้นมาภายหลัง จำนวนผู้ที่มีสายเลือดจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือทั้งบริสุทธิ์และผสมจะต้องรวมกันไม่เกิน 10,000 คน หากจำนวนถึง 10,000 เมื่อใดจะไม่สามารถให้กำเนิดคนที่ 10,001 ได้อีก นี่คือกฎที่จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือกำหนดไว้ หากไม่มีกฎนี้ ในเวลาพันปี ผู้ที่มีสายเลือดเทวะแห่งจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือคงกระจายทั่วทวีปเทียนเฉิน ครอบงำเหนือมนุษย์ธรรมดาทั้งปวง ทำลายความสมดุลในทวีปเทียนเฉินลงสิ้น ทำให้ทั้งทวีปกลายเป็นของลูกหลานสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ และเพราะเหตุนี้เช่นกัน สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือจึงรักษาพลังไว้ในระดับไม่ต่างกัน ไม่เคยมีพลังเหลื่อมล้ำกันมาก”

เย่หวูเฉินพยักหน้า ถ้อยคำเหล่านี้ เขาเคยฟังมาจากเหยียนเทียนเว่ยแล้วครั้งหนึ่ง เขากล่าวถึงประเด็นนี้ต่อ “เจ้าจะบอกข้าว่า ต่อให้ทำลายสำนักจักรพรรดิใต้ทั้งหมด ตราบใดที่ยังมีสายโลหิตตรงเหลือรอดแม้เพียงคนเดียว สำนักจักรพรรดิใต้ย่อมไม่นับว่าถูกทำลายทั้งสำนัก ดังนั้น....” เย่หวูเฉินยกยิ้มมุมปากอย่างมีความหมาย “เจ้าจึงไม่สนใจ หากสำนักจักรพรรดิใต้ที่ไม่จำเป็นดำรงอยู่นี้จะถูกทำลาย! ตราบใดที่เจ้าหรือบุตรชายยังมีชีวิตอยู่ ร้อยปีให้หลังสำนักจักรพรรดิใต้กลุ่มใหม่ย่อมผงาดขึ้นอีกครั้ง”

“ถูกต้อง ดังนั้น จอมราชัน ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด” ฉุ่ยหยุนเทียนกล่าวอย่างขึงขัง “นี่ไม่ใช่การทำลาย หากแต่เป็นการชำระ สำนักจักรพรรดิใต้ในวันนี้เป็นเพียงปีศาจที่เอื้อมมือไปยังโลก หากยังดำรงอยู่ ไม่เพียงจะผิดต่อบรรพชน แต่ยังจะเป็นมลทินต่อสำนักจักรพรรดิใต้ทั้งหมด ท่านคือจอมราชัน คือนายที่แท้จริงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ เมื่อสำนักจักรพรรดิเกิดความโสมม การชำระและสร้างสำนักจักรพรรดิใต้ขึ้นใหม่อีกครั้งย่อมถือเป็นหน้าที่อันชอบธรรมของท่าน”



<<<PREV    .    NEXT>>>