วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 342

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 342 ตัดสินใจ

อาณาจักรคุยชุย

“เด็กน้อย เจอเจ้าอีกแล้ว ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ทุกวันล่ะ?”

ที่นี่เป็นเมืองหนึ่งของอาณาจักรคุยชุยซึ่งอยู่ใกล้ ‘ดินแดนสาบสูญ’ มากที่สุด คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีชีวิตชีวา ผู้คนเดินขวักไขว่ตามท้องถนน ที่หัวมุมแห่งหนึ่ง ลุงวัยกลางคนรูปร่างท้วมกำลังโน้มกายลงคุยกับเด็กชายอายุราว 7-8 ขวบ เด็กชายผู้นี้ปรากฎตัวที่นี่อยู่บ่อยครั้ง แต่ละครั้งเขาจะมองผู้คนที่ผ่านไปมาอย่างตั้งใจ ดูแล้วคล้ายเป็นเด็กที่พลัดหลงกับพ่อแม่

“ข้ากำลังมองหาท่านพ่อท่านแม่” เด็กน้อยคนนั้นกล่าวคำคล้ายหงุดหงิด สายตามองผ่านลุงวัยกลางคนและจดจ่ออยู่ที่ฝูงชนบนถนน เห็นได้ชัดว่าเขาถูกถามคำถามนี้มาแล้วหลายครั้ง

“เจ้าพลัดหลงกับพ่อแม่ แล้วบ้านเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ?” ลุงวัยกลางคนมองเด็กชายผู้แต่งกายเรียบร้อยด้วยเสื้อผ้ามีราคา เขาดูไม่เหมือนเด็กหลงทางจากพ่อแม่แม้แต่น้อย

“นี่ ไปให้พ้นเลย ท่านนี่น่ารำคาญจริง” เด็กชายหมดความอดทนในที่สุด เขาโบกมือไล่ลุงวัยกลางคนนั้นให้ออกไป

ลุงวัยกลางคนถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง หากคิดไม่ถึงว่าตนจะถูกไล่ ดังนั้นเขาจึงต้องเดินออกไป จากนั้นเพียงไม่นาน ลุงวัยกลางคนรูปร่างผอมบางอีกคนก็มายืนอยู่หน้าเด็กชาย เขากระแอมไอและโน้มกายลง “เด็กน้อย....”

“เจ้าอีกแล้ว.... ครั้งก่อนข้าให้เจ้าไปสองตำลึงเงิน เจ้าบอกว่าจะช่วยข้าตามหาท่านพ่อท่านแม่ แต่กระทั่งป่านนี้ก็ยังไม่พบเลย เจ้าคนขี้โกหก คืนเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” เมื่อลุงวัยกลางคนปรากฎตัว เด็กชายก็กลายเป็นเกรี้ยวกราด ดุด่าชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ชายคนนั้นท่าทางอับอาย เขารีบอ้อนวอน “เบาๆหน่อยสิ แค่กๆ ที่จริงข้าหาพบแล้ว ตามข้ามาเร็ว ข้าจะพาเจ้าไปพบพ่อแม่”

“จริงเหรอ?” เด็กชายยังคงสงสัย ทว่าสุดท้ายก็ตามลุงวัยกลางคนๆนั้นไป ขณะมองแผ่นหลังของชายที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาเยาว์วัยก็ฉายแววตื่นเต้น

................

................

“เจ้านาย เสี่ยวต้วนจื่อกลับมาแล้ว เฮ้ เสี่ยวต้วนจื่อ ดูสิ ข้าไม่ได้หลอกเจ้านะ”

ลุงวัยกลางคนชี้นิ้วไปที่เย่หวูเฉินที่นั่งอยู่ในบ้านและสวมชุดหน้ากากเงิน เขากล่าวพลางดีดหน้าผากของเด็กน้อย และหัวเราะร่าราวกับเด็ก

“ว้าว.....พี่นายท่าน ที่แท้ก็เป็นท่านจริงๆ” เด็กน้อยที่เรียกว่า ‘เสี่ยวต้วนจื่อ’ ตื่นเต้นดีใจ เขารีบวิ่งมาอยู่ข้างเย่หวูเฉินและกล่าว “ข้านึกว่าลุงจื่อซูหลอกข้าอีกแล้ว ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง.... พี่นายท่าน ท่านกลับมาเมื่อไหร่?”

“ข้าเพิ่งมาถึง” เย่หวูเฉินยิ้มขณะมองดูเด็กชาย ดูเหมือนเขาจะคล้ำขึ้นกว่าครั้งก่อน และเห็นได้ชัดว่าเขาตัวสูงขึ้น เย่หวูเฉินลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ “เสี่ยวต้วนจื่อ ข้าได้ยินมาจากพี่กงลั่วของเจ้า เขาบอกว่าเจ้าสามารถวาดผังของสำนักจักรพรรดิเหนือได้ทั้งหมดใช่หรือไม่?”

เสี่ยวต้วนจื่อเมื่อได้ยินคำ ดวงตาก็เป็นประกายตื่นเต้น ดุจดาราเล็กๆสองดวงทันที เขาพยักหน้าหนักและกล่าว “เป็นตาลุงโง่ๆคนหนึ่งของสำนักจักรพรรดิเหนือที่นำผังพิมพ์เขียวออกมา ข้าแอบดูจากบนหลังคาและจดจำไว้ ข้าสามารถวาดมันได้ทั้งหมดโดยไม่มีผิดพลาด”

เหยียนกงลั่วที่อยู่ใกล้ๆยิ้มกล่าว “กล่าวได้ว่านี่เป็นความบังเอิญสูงสุด เมื่อเห็นคนผู้นั้นคล้ายเป็นคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ พวกเราจึงคอยจับตามอง ขณะที่มันพักอยู่ห้องได้นำแผนผังออกมาอ่าน เสี่ยวต้วนจื่อจึงปีนขึ้นไปบนหลังคา แม้ว่าชายผู้นั้นจะพบเสี่ยวต้วนจื่อ ฮี่ ฮี่.... แต่พอเห็นว่าเสี่ยวต้วนจื่อเป็นเด็กคนหนึ่งมันก็ไม่สนใจ จากนั้น เสี่ยวต้วนจื่อบอกว่านั่นสมควรเป็นพิมพ์เขียวของสำนักจักรพรรดิเหนือทั้งหมด ทว่าเด็กคนนี้ฉลาดจนน่ากลัว เขาไม่ยอมวาดออกมา และบอกว่าจะวาดต่อหน้าเจ้านายเท่านั้น ว่าแต่เจ้านาย ทำไมท่านจึงอยากเห็นผังภายในของสำนักจักรพรรดิเหนือหรือ?”

เหยียนกงลั่วท่าทางครุ่นคิด การเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือเป็นเรื่องที่ยากลำบาก และดูเหมือนเมื่อมีผังนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปสำรวจในนั้น

“เสี่ยวต้วนจื่อฉลาดจริงๆ เจ้าช่วยวาดให้ข้าหน่อยได้หรือเปล่า? ยิ่งมีรายละเอียดเยอะยิ่งดี” เย่หวูเฉินตบบ่าเล็กๆของเด็กน้อยเบาๆ

“อื้ม ข้าจะวาดให้พี่นายท่านเดี๋ยวนี้” เสี่ยวต้วนจื่อเมื่อถูกชมก็ดีใจและวิ่งไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลนัก เตรียมกระดาษขาวและอุปกรณ์การวาด จากนั้นหลับตานึกถึงความทรงจำ และวาดด้วยความระมัดระวังสูงสุด เสี่ยวต้วนจื่อ หรือชื่อจริงคือ เหยียนจื่อซิน เป็นเด็กยอดอัจฉริยะคนหนึ่ง หนึ่งปีก่อนเมื่อเย่หวูเฉินรู้จักเด็กน้อยยังต้องอุทานในพรสวรรค์ แม้ว่าเด็กนี่จะซุกซน แต่ความทรงจำเกี่ยวกับรูปภาพนั้นน่าอัศจรรย์ และแม้เขาอายุเพียง 7 ขวบ แต่พลังเพลิงวิญญาณก็อยู่ในระดับ 10 แล้ว ความสำเร็จในวันหน้าย่อมไร้ที่สิ้นสุด

ย่อมไม่มีใครสงสัยเด็กชายอายุเพียง 7-8 ขวบ แต่ละวันเขาจะคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของทุกคนที่นี่อย่างระแวดระวัง พร้อมตรวจพบสิ่งแปลกปลอมทุกเวลา ดินแดนสาบสูญแท้จริงคือที่ตั้งของสำนักจักรพรรดิเหนือ และเมืองแห่งนี้ที่อยู่ใกล้ดินแดนสาบสูญมากที่สุดกำลังกลายเป็นที่ตั้งของสำนักมารอย่างเงียบงัน เหยียนเทียนเว่ย , เหยียนต้วนชางกับภรรยา , รวมถึงเหยียนกงลั่ว ต่างอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ เล่งหยาและฉู่จิงเทียนหลังจบงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินก็มาอยู่ที่เมืองแห่งนี้เช่นกัน ส่วนเด็กชายอายุ 7 ขวบผู้นี้ ทำหน้าที่เฝ้าระวังในจุดยุทธศาสตร์ แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถเพียงใด

“ข้าจะไปตามหาคน” เย่หวูเฉินถอนสายตาออกจากเสี่ยวต้วนจื่อ หันมามองเหยียนกงลั่วขณะกล่าวตอบ

“ตามหาคน?” เหยียนกงลั่วรู้สึกประหลาดใจ

“เจ้านาย หรือว่าท่านกำลังตามหา.... นายหญิงเหยียน?” เหยียนเทียนเว่ยเดินเข้ามาอย่างเงียบงันและเอ่ยถาม

เย่หวูเฉินพยักหน้า

เหยียนกงลั่วสีหน้าสลดลง เขากล่าวอย่างละอาย “เรื่องนี้....ต้องโทษพวกข้าที่ไร้ประโยชน์ เป็นเวลานานแล้วกลับไม่มีข่าวใด ทำให้เจ้านายต้องลำบากมาหาด้วยตัวเอง.... เจ้านาย ให้พวกเราทำเถอะ พวกเราจะรีบไปหาในเวลาอันสั้นที่สุด....”

เย่หวูเฉินถอนใจบางและกล่าวขัดจังหวะ “ไม่จำเป็น เรื่องมันซับซ้อนกว่าที่ข้าคิดไว้ ตอนนี้ข้าไม่อาจทนรอได้อีก ครั้งนี้ข้าจะใช้ทุกสิ่งเพื่อตามหานาง ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่อาจสงบใจได้แม้เพียงวินาทีเดียว”

“นี่มัน....” เหยียนกงลั่วตกตะลึง

“เจ้านาย หรือว่าท่านจะลอบเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือ? โปรดอย่าทำแบบนั้น.... ยอดฝีมือในสำนักจักรพรรดิเหนือมีมากเป็นฝูงเมฆ เจ้านายโปรดอย่านำตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น” เหยียนเทียนเว่ยเมื่อได้ยินความตั้งใจของเย่หวูเฉิน ก็รีบส่งเสียงตะโกน “ครั้งนี้ ให้ข้าได้ลอบเข้าไปเพื่อเจ้านาย”

เหยียนกงลั่วยังคงตกใจไม่หาย “เจ้านาย ท่านปู่พูดถูก ถึงแม้ท่านไม่อาจสงบใจ แต่โปรดอย่านำตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นเลย พวกเราจะรีบ....”

“ฟังข้าก่อน” เย่หวูเฉินเริ่มคล้ายไม่อาจอดทน เขาส่งเสียงดุดันหยุดพวกเขา “เรื่องนี้สำคัญต่อข้ามาก.... ข้าจะบอกความจริงที่ข้าเองก็เพิ่งรู้วันนี้เช่นกัน สามปีก่อน จื่อเมิ่ง นางตั้งท้องลูกของข้า”

บรรยากาศกลายเป็นเงียบสงัดทันที เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนกงลั่วใบหน้าแข็งค้าง ด้วยนางที่มีสถานะเป็นคู่หมั้นของนายน้อยสำนักจักรพรรดิเหนือ หากนางตั้งครรภ์ผลลัพธ์ก็มีเพียง.... พวกเขาตระหนักถึงความหนักหนาของเรื่องราวทันที เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเย่หวูเฉินจึงไม่อาจอดทน

เดิมที พวกเขารู้เพียงว่าเหยียนจื่อเมิ่งคือสตรีที่เย่หวูเฉินตามหา เป็นหนึ่งในนายหญิงของพวกเขา หนึ่งปีก่อนพวกเขาสืบข่าวได้ว่านางเป็นคู่หมั้นของนายน้อยสำนักจักรพรรดิเหนือ ต้องแต่งงานเมื่ออายุครบ 20 ปี เวลานั้นนางสมควรแต่งงานกับเหยียนซีหมิงไปแล้ว แต่ไม่ว่าพวกเขาจะสืบหาอย่างไรก็ไม่อาจพบเบาะแส

ตอนนี้ นางไม่เพียงเป็นนายหญิงธรรมดา ด้วยสีหน้าของเย่หวูเฉินในยามนี้ พวกเขาจึงเข้าใจกระจ่างแจ้ง

“เจ้านาย วางใจเถอะข้าจะรีบไปที่นั่นทันที ต่อให้ต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับสำนักจักรพรรดิเหนือ พวกเราก็จะต้องหานายหญิงเหยียนให้พบ หากพวกมันกล้าทำร้ายสายเลือดของจอมราชัน.... พวกเราจะไม่มีวันอภัยให้พวกมัน” เหยียนเทียนเว่ยกล่าวอย่างดุดัน

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ข้าเตรียมแผนไว้แล้ว มีโอกาสอย่างยิ่งที่นางไม่อยู่ในสำนักจักรพรรดิเหนือ” จากนั้นเขาสูดหายใจยาว ภายใต้ความสงบที่ปรากฎภายนอก ไม่ทราบเขาเก็บระงับอารมณ์ไว้ด้วยวิธีใด

ถ้อยคำนี้มีแปลความได้หลายอย่าง เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนกงลั่วมองหน้ากันและเลือกสงบปาก พวกเขาต้องบังคับตัวเองไม่ให้ส่งเสียงออกมา

เย่หวูเฉินกล่าวอย่างจริงจัง “ดังนั้น รอบนี้ข้าเพียงไปสืบข่าว ตามหาที่อยู่ของนาง ยังไม่ใช่เวลาสมควรที่พวกเราและสำนักจักรพรรดิเหนือจะต่อสู้กัน แม้ว่าท่านชิงชังสำนักจักรพรรดิเหนือ แต่อย่างไรท่านกับพวกเขาก็มีรากฐานเดียวกัน ร้อยปีก่อนผู้ที่ทำร้ายบรรพบุรุษของท่านคือบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่ใช่พวกเขาที่เป็นคนทำ ท่านย่อมไม่อยากให้มือเปื้อนโลหิตของพวกเขาโดยไร้เหตุผลอันควร ไม่อย่างนั้น จะต่างอะไรกับพวกที่ทำร้ายบรรพบุรุษของท่านในอดีต การสังหารคนทั้งสามของสำนักจักรพรรดิเหนือในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”

เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนกงลั่วกลายเป็นเงียบงัน เย่หวูเฉินกล่าวสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในความรู้สึกของพวกเขา พวกเขาเกลียดชังซับซ้อนต่อสำนักจักรพรรดิเหนือในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในกระดูกของพวกเขาไหลเวียนด้วยโลหิตจักรพรรดิเหนือเช่นเดียวกัน ฝึกฝนวิชาเพลิงวิญญาณแบบเดียวกัน ลึกๆในใจแล้ว พวกเขาไม่อยากต่อสู้นองเลือดกับพวกนั้น

เย่หวูเฉินยิ้มและกล่าว “นี่ยังเป็นสัญญาที่ข้าให้ไว้ตั้งแต่แรก” เขาลุกขึ้นยืน เดินช้าๆอย่างไร้จุดหมายขณะกล่าว “เมื่อเป็นการสืบหาข่าว มากกว่าเป็นการก่อความขัดแย้ง ดังนั้นใช้คนน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ท่านเองก็รู้ว่าพลังที่ข้ามีอยู่ไม่มีผู้ใดสัมผัสได้ และหากข้าต้องการหลบหนี ไม่มีผู้ใดที่จะหยุดยั้ง ท่านเพียงต้องชี้นำวิธีเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือให้ข้า ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้าใดๆ”

เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนกงลั่วมองหน้ากันอีกครั้ง แม้ว่าใจยังคงกังวล แต่พวกเขารู้ดีว่าไม่อาจปฏิเสธ เป็นความจริงที่เย่หวูเฉินเข้าไปคนเดียวก็เพียงพอ หากเข้าไปหลายคนมีแต่จะยุ่งยากขึ้น ทั้งพวกเขายังเชื่อมั่นในทักษะย้ายมิติของเซียงเซียง ต่อให้เย่หวูเฉินถูกพบตัว เขาย่อมออกมาในสภาพสมบูรณ์ได้



<<<PREV    .    NEXT>>>