วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 362

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 362 สถานการณ์สิ้นหวัง

เหยียนชางทะยานร่างราวปักษาทมิฬขนาดใหญ่ เสียงลมโหยหวนไล่ตามเบื้องหลังของเล่งหยา ในขณะเดียวกัน บริเวณรอบทิศเกิดเสียงเอะอะดังขึ้น สำนักจักรพรรดิเหนือที่ได้ยินเสียงต่างเร่งรุดเข้ามา สายตาแต่ละคนคมกล้าดุจกระบี่จับจ้องมายังทางนี้ เมื่อวานซืนจักรพรรดิมารทำร้ายประมุขและเจ็ดอาวุโสจนบาดเจ็บ ตอนนี้คนเหล่านั้นจึงปิดตนรักษาตัวเป็นเวลาเจ็ดวัน แม้ว่านายน้อยไม่มีบาดแผลภายนอก ทว่าภายในบอบช้ำอย่างหนัก ตอนนี้จึงกำลังพักฟื้นอย่างสงบ ภายใต้สถานการณ์ยามนี้ สำนักจักรพรรดิเหนือไม่ควรเกิดเรื่องใหญ่อีก

“ฮ่าห์!” เหยียนชางคำรามกู่ก้อง ผลักฝ่ามือสองข้างออกกลางอากาศ คลื่นพลังแรงร้อนควบกลั่นในฝ่ามือ ขณะที่ปล่อยพลังเขาลังเลเล็กน้อย เบี่ยงทิศไปเสี้ยวหนึ่ง เล็งตรงไปที่เล่งหยา แม้ตอนนี้ปิงเอ๋อร์กับเล่งหยาจะอยู่ด้วยกัน แต่เป้าหมายของเขาคือเล่งหยา เขาย่อมไม่คิดทำร้ายปิงเอ๋อร์ ถึงแม้พลังฝีมือของปิงเอ๋อร์ไม่ได้โดดเด่นนักในสำนักจักรพรรดิเหนือ เพียงนับได้ว่าอยู่ที่ระดับปานกลางเท่านั้น ทว่าอุปนิสัยของนางเป็นที่ชื่นชอบของคนมากมาย กระทั่งฮูหยินของประมุขยังรักใคร่ดุจธิดา และเขาไม่เหี้ยมพอจะทำร้ายคนที่เรียกตนเองว่า ‘ท่านลุงชาง’ มาตลอดหลายปี

“ปัง” เสียงปะทะเลือนลั่น พื้นดินเบื้องหลังเล่งหยาเกิดเป็นหลุมลึก เล่งหยาเย็นวาบไขสันหลังทันที เขาทุ่มสติจดจ่อในทุกทิศทาง ความเร็วของเขาสูงล้ำ ทว่าเขายังคงยั้งไว้อยู่หลายส่วน เมื่อถูกเหยียนชางโจมตีมาจากเบื้องหลัง เขาก็เพิ่มความเร็วทะยานออกฉับพลัน ฉีกทิ้งพลังที่พุ่งมากจากเบื้องหลัง และแล่นเท้าลิ่วห่างออกไป

พรสวรรค์ด้านความเร็วของเล่งหยา ครั้งหนึ่งยังเคยทำให้ฉู่ชางหมิงลอบตื่นตระหนกในใจ ฉู่จิงเทียนมีพลังสูงส่งกว่าเขา แต่หากเทียบด้านความเร็วแล้วเขาล้าหลังกว่าอย่างมาก กระทั่งต่างกันถึงครึ่งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเล่งหยาบ้าเลือดขึ้นมาฉู่จิงเทียนยังรับมืออย่างยากเย็น หลังจากเหยียนชางจู่โจมออกไปแล้ว เขาก็ชะงักชั่วขณะด้วยแรงสะท้อนของพลัง ทำได้เพียงมองเล่งหยาที่ห่างออกไปเรื่อยๆจากสายตา ทว่าขณะที่เล่งหยาใกล้จะหายลับตานั้น รอบกายของเหยียนชางก็มีเงาร่างหลายสายพุ่งผ่าน และตรงไปที่เล่งหยา

“ศัตรูลอบเข้ามา อย่าให้มันหนีไปได้! ศัตรูลอบเข้ามา อย่าให้มันหนีไปได้!!”

เหยียนชางยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาเกร็งกำลังที่ลำคอแล้วตะเบ็งเสียง เสียงดังก้องฟ้าทุกทิศทาง น้ำเสียงของเขามีพลังประหลาด มันดังปกคลุมทั่วทั้งสำนักจักรพรรดิเหนือ กระทั่งทะลุผ่านหมู่เมฆ และตรงไปยังเส้นขอบฟ้า.....

สำนักจักรพรรดิเหนือเมื่อได้ยินเสียงของเหยียนชาง ทุกมุมจึงจุดไฟขึ้นสว่างโร่ หากมองสำนักจักรพรรดิเหนือจากบนฟ้า จะเห็นจุดสว่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลานี้ ทุกแห่งหนปรากฎผู้คน ปิดกั้นสำนักจักรพรรดิเหนือไว้ทุกทิศทาง

แม้เล่งหยาหอบหิ้วคนไปด้วยอีกผู้หนึ่ง แต่ความเร็วของเขายังคงเหนือล้ำจนน่าตระหนก เขาไม่เคยเสียความเชื่อมั่นในความเร็วตน เขาเชื่อว่าต่อให้มีศัตรูมากกว่านี้ ตราบใดที่ทุ่มเทรักษาระยะไว้ พวกนั้นย่อมไม่อาจหยุดตนได้ทันเวลา เขาย่อมอาศัยความมืดซ่อนตัวในจุดที่พวกมันมองไม่เห็น

อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือสำนักจักรพรรดิเหนือ มียอดฝีมือแกร่งกล้าอยู่มากมาย แม้ว่าจะหนีไปจากที่นี่ได้ แต่สิ่งแรกที่เขาต้องเผชิญคือผงเพลิงวิญญาณที่แม้กระทั้งยอดฝีมือเทวะยังไม่อาจสัมผัสได้โดยง่าย

สายลมหลายสายใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ละสายแฝงพลังกดดันหนักหน่วง เล่งหยาโอบปิงเอ๋อร์ไว้แน่นด้วยแขนข้างหนึ่ง อีกข้างจับกระบี่คร่าสายลมไว้มั่น เขารู้ว่าตนเองและปิงเอ๋อร์มีโอกาสหนีพ้นในคืนนี้เพียงน้อยนิด.... หรือกระทั่งไม่มีอยู่เลย ทว่าทางรอดของเขาคือต้องดิ้นรน ไม่ใช่ยอมแพ้ หรือรอให้ปาฏิหาริย์ร่วงหล่นลงจากฟ้า

ลมแรงพัดหน้าปิงเอ๋อร์จนต้องหลับตาปี๋ หายใจอึดอัดในอ้อมแขนของบุรุษ นางรู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังสั่นเทา ฉับพลันสายลมที่ข้างหูก็หยุดลง บริเวณโดยรอบเงียบงันอย่างน่ากลัว

เล่งหยาหยุดเคลื่อนไหวไปเบื้องหน้า ราวกับกระบี่เย็นเยียบที่ปักลงพื้น เขายืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้ามีชายชราสี่คนยืนอยู่ในจุดต่างกัน ทางซ้ายและขวามีสามคน อายุ 50 ต้นๆถึงปลาย เป็นสองบุรุษและหนึ่งสตรี แม้ว่าพวกเขาจะเพียงยืนอยู่กับที่เท่านั้น ทว่าสายตาแต่ละคนล้วนคมกล้าดุจกระบี่ ราวกับว่า เบื้องหน้าของพวกเขามีปราการโปร่งใสกั้นอยู่ ดังนั้นเล่งหยาจึงต้องหยุดเท้าทันที และกระชับกระบี่แน่น

คนเหล่านี้ ไม่ว่าผู้ใดล้วนแต่น่าหวาดหวั่น กระทั่งในสำนักจักรพรรดิเหนือก็ย่อมเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดา

สายลมที่ไล่ตามมาได้เข้ามาถึงทันที ปิดกั้นเส้นทางด้านหลังไว้ เล่งหยาขยับกายเล็กน้อย กระบี่คร่าสายลมกำกระชับในมือ ทว่าทันใดนั้น มีเสียงตะโกนราวสายฟ้าดังขึ้น “หยุด!”

สามคนที่ไล่เล่งหยามาถึง จึงชักมือกลับทันทีเมื่อได้ยินเสียง จากนั้นหันไปยังคนผู้นั้น คนอื่นที่รายล้อมเล่งหยาต่างก็หันไปมองยังเสียงนั้น

เหยียนชางในชุดดำเดินออกมาจากความมืด ผ่านคนเหล่านั้นไปยังเบื้องหน้าเล่งหยาช้าๆ แววตาเย็นเยียบจับจ้องที่ใบหน้าเล่งหยา เล่งหยาก้มหน้าผากลง แลตาขึ้นไป มองเหยียนชางด้วยสายตาเย็นเยียบยิ่งกว่า เล่งหยาก้มหน้าทำให้เหยียนชางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ทว่าเหยียนชางยังคงมองเห็นแววตาเย็นชานั้นชัด มันกระทั่งทำให้เขาสั่นไหวเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใดๆ

“เจ้าเป็นใคร?” เหยียนชางถามด้วยสีหน้าทะมึน สำนักจักรพรรดิเหนืออันยิ่งใหญ่กลับถูกรุกล้ำโดยไม่รู้สึกตัว หากไม่ใช่เพราะเขาพบพิรุธของปิเอ๋อร์ที่หัวใจเต้นรัวเร็ว สำนักจักรพรรดิเหนือจะต้องถูกตบหน้าฉาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นความขายหน้าครั้งใหญ่! ขณะเดียวกัน เขากลับสนใจบุคคลผู้นี้อย่างยิ่งที่สามารถลอบเข้ามาได้ด้วยวัยเพียงราว 20 ปี ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ เหตุใดปิงเอ๋อร์ที่ถูกขังอยู่ในศาลาสำนึกผิดมาตลอดสามปีกลับอยู่กับมันได้ ยิ่งกว่านั้น ดูจากสถานการณ์แล้ว ราวกับว่าพวกเขากำลังเตรียมที่จะ....ออกจากสำนักจักรพรรดิเหนือในวันนี้

เล่งหยาไม่กล่าวตอบ มือขวาบีบไว้แน่น เช่นเดียวกับมือซ้ายที่โอบปิงเอ๋อร์ จิตสัมผัสกำลังแผ่ทั่วบริเวณรอบกาย ตรวจหาช่วงโหว่เพียงเล็กน้อยที่จะกลายเป็นโอกาส ไกลออกไปนั้น เสียงชุดสะบัดดังมาบางเบา การเผยตัวของเขาได้ปลุกคนทั้งสำนักจักรพรรดิเหนือ สามารถลอบเข้ามาในสำนักจักรพรรดิเหนือเพียงลำพัง ย่อมเป็นยอดฝีมือระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าเอ้อระเหย

เขาถูกบีบคั้นให้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ทุกวินาทีที่เขารั้งรออยู่ จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ทว่าพวกคนที่ล้อมเขาไว้คือยอดฝีมือระดับสูง แต่ละคนล้วนรับมือได้ไม่ง่าย ดังนั้นไม่ต้องกล่าวทั้งหมด.... ตอนนี้เขาไม่พบช่องโหว่ใดๆในวงล้อม

“ท่านลุงชาง เขา.... เขา.... เป็นพี่ชายที่พลัดพรากของข้าเมื่อหลายปีก่อน เขาเข้ามาที่นี่อย่างยากลำบากเพื่อตามหาข้า กระทั่งไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง.... ท่านลุงชาง เขาเพียงมาตามหาข้าเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น ท่านปล่อยเขาไปเถอะนะ” ปิงเอ๋อร์กล่าวด้วยใบหน้าอ้อนวอน ดวงตาเปียกปอนไปด้วยน้ำใส ถูกบีบคั้นให้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังไร้ทางออก นางต้องสงบใจลงและตะโกนอ้อนวอน นางถูกจับคืนนี้ก็คงถูกขังต่ออีกหลายปี ส่วนเล่งหยาคงตายแน่ ตอนนี้เป็นวิธีเดียวที่นางคิดออกเพื่อช่วยเล่งหยา เหยียนชางคือเจ้าของหอเทียนซิน มีสถานะสูงยิ่งในสำนักจักรพรรดิเหนือ รวมทั้งยังเมตตาต่อนางมาก นางอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง

“พี่ชายเจ้า? เฮอะ เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อน.... ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เจ้าก็รู้ว่าหากบุกรุกสำนักจักรพรรดิเหนือ หากไม่สาบานตนภักดีตลอดไป และไม่ละทิ้งไปไหน ก็อย่าหวังจะได้เห็นแสงตะวันอีก” เหยียนชางมองปิงเอ๋อร์ปราดหนึ่ง แล้วเคลื่อนตามองกลับไปที่เล่งหยา ถ้อยคำของปิงเอ๋อร์ทำให้เขาหลงเชื่อเล็กน้อย

ปิงเอ๋อร์กล่าวต่ออย่างรีบร้อน “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว ท่านลุงชาง งั้นให้พี่ชายข้าเข้าร่วมสำนักจักรพรรดิเหนือเป็นอย่างไร? ท่านก็เห็นแล้วว่าเขาเก่งกาจมาก เขาจะต้องสร้างผลงานมากมายให้กับสำนักจักรพรรดิเหนือของเรา ข้า.... ข้ากลัวว่าท่านประมุขจะลงโทษพี่ชายข้า ดังนั้นข้าก็เลยจะพาเขาออกไปเงียบๆ.... ท่านลุงชาง ข้าพูดเรื่องจริงนะ ท่านจะช่วยเขาหน่อยได้ไหม?”

เหยียนชางเลิกคิ้วขึ้นสูง ไม่ตอบกลับปิงเอ๋อร์ทันที ยังคงมองเล่งหยาอย่างระวัง ถ้อยคำของปิงเอ๋อร์เขาเห็นด้วยอยู่บางส่วน.... คนผู้นี้มีพรสวรรค์สูงส่ง ด้วยวัยเพียงนี้กลับมีความสามารถถึงปานนี้ อนาคตย่อมไร้ขอบเขต หากเขาเป็นพี่ชายของปิงเอ๋อร์จริงๆ หลังจากที่เข้าร่วมสำนักจักรพรรดิเหนือ เขาย่อมกลายเป็นกระบี่คมกล้าในวันหนึ่ง

เสียงเสียดสีดังมาจากทางขวา ชายกลางคนมองหยันและกล่าวเสียงต่ำ “น่าหัวร่อ.... ปิงเอ๋อร์ ดูเหมือนเจ้าหนุ่มผู้นี้จะวางยาเสน่ห์ใส่เจ้าไม่น้อย เจ้าถึงกับปกป้องมันอย่างคาดไม่ถึง.... มันไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็นสมุนของจักรพรรดิมาร คือเล่งหยาที่สังหารเหยียนเจิ้งในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว!”

คนอื่นโดยรอบที่ไม่เคยเห็นเล่งหยาต่างสีหน้าเปลี่ยนทันที เหยียนชางยังสีหน้าทะมึนคล้ำฉับพลัน เล่งหยาสงบนิ่งเหมือนแต่ต้น ไร้คำพูดโต้เถียงใดๆ การเงียบงันคือปกติของเขา เมื่อเห็นเหยียนชางสีหน้าเปลี่ยนไป หัวใจปิงเอ๋อร์ก็บีบรัดราวกับถูกน้ำเย็นราดรด ปิงเอ๋อร์ลอบกระซิบอย่างหดหู่ “ตายแน่ๆ.... ไม่เพียงเจ้าตอไม้จะต้องตาย ข้าก็คงถูกลงโทษสถานหนัก....”

นางถูกขังอยู่ในศาลาสำนึกผิดแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ จึงไม่ทราบข่าวคราวภายนอก นางไม่ทราบว่าเล่งหยาเป็นบุคคลถึงปานนั้น ไม่ทราบว่าเขาได้สังหารอาวุโสแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ ข่าวของเล่งหยาที่ว่า ในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินเขาได้เผยเนตรปีศาจสังหารโลหิตออกมา ทุกคนในสำนักจักรพรรดิเหนือต่างรู้เรื่องนี้

เหยียนชางตวัดสายตามองปิงเอ๋อร์เย็นเยียบปราดหนึ่ง จากนั้นกลับเป็นปกติทันที ไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิมารเพิ่งปรากฎตัวในสำนักจักรพรรดิเหนือ ภายหลังความตื่นตระหนกเขาก็กลับไปฝึกฝน วันนี้เล่งหยาแห่งสำนักมารกลับปรากฎตัวอีกครั้งโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว แม้ว่าตอนนี้เขาถูกบีบคั้นให้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง แต่เหยียนชางไม่อาจดีใจ เขาถอนหายใจและกล่าว “ไม่จำเป็นต้องมากความอีก จับตัวมัน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย.... แต่ห้ามทำร้ายปิงเอ๋อร์นอกเสียจากจำเป็น”

“ท่านลุงชาง!” ปิงเอ๋อร์หัวใจร้อนรน ตะโกนออกไปอย่างแตกตื่น

เมื่อสิ้นเสียงของเหยียนชาง พลังแกร่งกล้าหลายสายพุ่งเข้าใส่เล่งหยาจากทุกทิศ ราวกับค้อนหนักหน่วงพุ่งใส่ร่างเล่งหยาในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าพลังสายใด ล้วนเพียงพอทำให้เขาบาดเจ็บหนัก เล่งหยาไม่คิดถึงการหลบหนี เขาผลักมือซ้ายทันที ดันปิงเอ๋อร์ให้ห่างออกไป แววตาอินทรีย์แฝงความบ้าคลั่งและพร้อมสังหาร.... ในเมื่อข้าเล่งหยาไร้หนทางออกไป เช่นนั้นก็ให้ข้าได้เห็น ว่าสำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเจ้าต้องใช้กี่ชีวิตเพื่อแลกกับชีวิตข้า!!

เขาไม่รู้ว่าอะไรคือความขลาด ไม่รู้ว่าอะไรคือการยอมแพ้ เขาไม่รู้ว่าพวกมันออกเสียงอย่างไร



<<<PREV    .    NEXT>>>