วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 343

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 343 กลับสู่ดินแดนสาบสูญ

เหยียนกงลั่วสอดมือเข้าไปในอก นำเอากระดาษปึกหนาออกมา จากนั้นถอยไปสองก้าวและกางมันลงบนพื้น รูปในนั้นค่อนข้างหยาบ ไม่ค่อยมีรายละเอียดมากนักบนแผนที่ เหยียนกงลั่วย่อกายลง ชี้บนแผนที่นั้นและกล่าว “นี่คือแผนที่ของดินแดนสาบสูญ”

เย่หวูเฉินจดจ้องแผนที่นั้นและพยักหน้าเบาๆ เขาเคยไปเยือนดินแดนสาบสูญมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นมังกรเพลิงฟ้าส่งเขาไปยังใจกลางของดินแดนสาบสูญ เพื่อตามหาจิ้งจอกมังกร

“ตรงนี้คือใจกลางของดินแดนสาบสูญ ครั้งหนึ่งเคยเล่าลือกันว่า ที่ใจกลางเป็นสถานที่ที่น่ากลัวสุด ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ หลายเดือนก่อน ข้าและท่านปู่ลัดเลาะผ่านดงสัตว์อสูรจนไปถึงที่นั่น หากกลับพบว่าไม่มีสิ่งใด มีเพียงซากวิหารปรักหักพัง ไม่ทราบว่าผู้ใดสร้างมันขึ้น และมันมีชื่อว่า ‘วิหารสาบสูญ’” เหยียนกงลั่วชี้นิ้วที่จุดกึ่งกลางของแผนที่และอธิบาย

เหยียนกงลั่วเลื่อนนิ้วชี้ไปที่ทางเหนือของดินแดนสาบสูญ “ตรงนี้กล่าวได้ว่าเป็นเขตที่ปลอดภัยที่สุดในดินแดนสาบสูญ แต่แน่นอนผู้ที่จะมาตรงนี้ได้ต้องมีพลังสูงส่ง ดินแดนสาบสูญคู่ควรแล้วที่ถูกกล่าวว่ามีสัตว์อสูรมากที่สุดในทวีปเทียนเฉิน สัตว์อสูรทรงพลังมากมายเพ่นพ่านอยู่ทั่ว ทุกแห่งเต็มไปด้วยอสูรวิญญาณ และอสูรสวรรค์ บางครั้งยังปรากฎออกมาเป็นกลุ่มใหญ่จนน่ากลัวยิ่ง หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ไปด้วยข้าคงไม่กล้าเหยียบเท้าเข้าไป ในทวีปเทียนเฉิน ผู้ที่จะเข้าออกดินแดนแห่งนี้ได้เพียงตัวลำพังนับว่ามีน้อยยิ่ง

เหยียนกงลั่วเลื่อนมือชี้ไปทางใต้ของดินแดนสาบสูญ สีหน้าเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงทันที “ทางใต้ของของดินแดนสาบสูญ ยังนับเป็นเขตแดนใต้สุดของทวีปเทียนเฉิน ตรงนี้ถูกเรียกว่า ‘พื้นที่ต้องห้าม’ ในดินแดนสาบสูญ ไม่มีใครทราบว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้น เพราะเมื่อเข้าไปแล้วไม่มีผู้ใดรอดออกมา เดิมทีข้ากับท่านปู่เข้าไปถึงขอบพื้นที่ตรงนั้น ขณะที่ข้ากำลังจะเข้าไปท่านปู่ก็หยุดไว้และบอกว่า มีกลิ่นอายแกร่งกล้าที่ไม่อาจต่อต้านปกคลุมบริเวณนั้นอยู่ จากกลิ่นอายพลังของมัน กล่าวได้ว่าสมควรไม่ด้อยไปกว่ามังกรเพลิงฟ้าที่เจ้านายเคยเล่าให้ฟัง”

เหยียนเทียนเว่ยพยักหน้า เย่หวูเฉินมองดูที่ทิศใต้ของดินแดนสาบสูญที่ถูกระบายเป็นสีดำ

มังกรเพลิงฟ้าดำรงอยู่ได้เพราะมุกมังกรอัคคี หากทางใต้ของดินแดนสาบสูญซุกซ่อนพลังแกร่งกล้าที่เทียบเท่ามังกรเพลิงฟ้าจริงๆ ด้วยพลังเหนือล้ำที่มันสร้างออกมา จิตปราณในแดนขั้วใต้ของทวีปเทียนเฉินจะเข้มข้นเพราะเหตุผลเดียวกับมังกรเพลิงฟ้าหรือไม่?

“และอย่างที่เจ้านายทราบ ตรงนี้คือที่ตั้งของสำนักจักรพรรดิเหนือ” เหยียนกงลั่วชี้นิ้วไปทางทิศตะวันตกของดินแดนสาบสูญ และกล่าวอย่างจริงจัง “เป็นความจริงที่ว่า ไม่มีผู้ใดค้นพบที่ตั้งของสำนักจักรพรรดิเหนือมาตลอดหลายปี ที่ตั้งของพวกมันมีการปกปิดและป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ สัตว์อสูรกลายเป็นปราการธรรมชาติของพวกมัน และพื้นที่ตรงนั้นเข้าถึงได้ยากยิ่ง ขณะเดียวกัน รอบสำนักจักรพรรดิเหนือถูกโปรยด้วยผงเพลิงวิญญาณจำนวนมาก ผงนี้สร้างขึ้นจากกลุ่มคนผู้มีพลังแกร่งกล้าสูงสุด อย่าว่าแต่คนธรรมดาทั่วไป ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์เมื่อถูกเข้าย่อมแสบร้อนทรมานถึงขีดสุด หากไม่รีบหนีไป ชีวิตก็มีแต่ต้องจบสิ้น ทว่าในขณะเดียวกัน มีเพียงพลังเพลิงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถผ่านผงนี้เข้าไปได้ มนุษย์หรือสัตว์อสูรใดๆหวังจะเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือ แทบไม่อาจเป็นไปได้”

“ในเมื่อมีสัตว์อสูรเพ่นพ่านอยู่มากมาย แล้วเหตุใดคนของสำนักจักรพรรดิเหนือจึงเข้าออกได้อย่างปลอดภัย? ในหมู่พวกนั้น ใช่ว่าจะมีพลังแกร่งกล้าสูงสุดกันทุกคน” เย่หวูเฉินมองตรึงที่แผนที่ หัวคิ้วขมวดมุ่นขณะถาม

“ตรงนี้” เหยียนกงลั่วชี้นิ้วไปตรงจุดใกล้ๆชายขอบของดินแดนสาบสูญ และกล่าวจริงจัง “ตรงนี้โปรยด้วยผงเพลิงวิญญาณจำนวนมาก ทอดยาวออกไปสู่ภายนอกดินแดนสาบสูญ หากเข้าไปจากตรงนี้ จะไม่พบกับสัตว์อสูรใดๆ”

“อย่างไรก็ตาม หากเจ้านายจะเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือ ตำแหน่งที่สะดวกและปลอดภัยสุดคือบริเวณนี้” เหยียนกงลั่วเลื่อนนิ้วอีกครั้งไปทางใต้ พื้นที่ตรงนั้นเป็นสีเทาขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทว่าก็ไม่ได้เล็กเกินไป คำนวณคร่าวๆจากแผนที่ก็น่าจะยาวสักหลายสิบลี้ “บริเวณนี้คือด้านหลังของสำนักจักรพรรดิเหนือ พื้นที่หลายสิบลี้คือหนองน้ำน่าหวาดหวั่น หากตกลงไปจะไม่อาจขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งปราการธรรมชาติของสำนักจักรพรรดิเหนือ เพราะมีปราการขนาดใหญ่เช่นนี้กั้นอยู่ ด้านหลังสำนักจักรพรรดิเหนือจึงไม่มีผงเพลิงวิญญาณโปรยไว้ ด้วยทักษะการบินของเจ้านาย ย่อมสามารถบินผ่านเหนือบริเวณนี้ได้โดยตรง อีกทั้งการบินของท่านใช้พลังเพียงเล็กน้อย ข้ามผ่านหนองน้ำไม่กี่สิบลี้สมควรเป็นเรื่องง่ายดาย ดังนั้น ปราการธรรมชาติที่น่าหวาดหวั่นนี้ สำหรับเจ้านายก็เหมือนประตูหน้าที่เปิดโล่ง”

เย่หวูเฉินมองตามตำแหน่งที่เหยียนกงลั่วชี้ มองอย่างระวังและจดจำแผนที่ทั้งหมดของดินแดนสาบสูญ ในอดีต หากเขาไม่ตัดพันธะวิญญาณจากเหยียนจื่อเมิ่งขณะที่ร่วงลงหุบเหวปลิดวิญญาณ ตอนนี้เขาคงทราบที่อยู่ของเหยียนจื่อเมิ่งได้ง่ายดายยิ่ง แต่เขาไม่เคยเสียใจกับเรื่องนี้ เพราะหากเขาไม่บังเอิญรอดชีวิตด้วยความโชคดี นางกับสูกสาวย่อมเป็นอันตราย

“พี่นายท่าน ดูนี่สิ ข้าวาดเสร็จแล้ว” เหยียนจื่อซิน หรือที่เรียกว่า เสี่ยวต้วนจื่อ วางพู่กันในมือลง กระโดดกึ่งวิ่งมาอยู่หน้าเย่หวูเฉิน จากนั้นยื่นพิมพ์เขียวที่เพิ่งวาดเสร็จให้เขาดู เย่หวูเฉินรับมาและมองอย่างระวัง จดจำไว้มั่นแล้วเก็บพิมพ์เขียวใส่แหวนเทพกระบี่ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณมากเสี่ยวต้วนจื่อ เจ้าช่วยข้าได้มากทีเดียว”

“ฮี่ ฮี่ ผังนั่นข้าจำได้แม่นยำ รับรองว่าไม่มีผิดเพี้ยน พี่นายท่านต้องหานายหญิงเมิ่งให้พบล่ะ”

เย่หวูเฉินพยักหน้ายิ้ม จากนั้นเงยศีรษะขึ้นด้วยใบหน้าสงบ “ไปกันเถอะ รบกวนท่านปู่ด้วย”

เหยียนเทียนเว่ยยังไม่ทันตอบคำ เขาก็ได้ยินเสียงผลักประตูโครม “ไปไหนกันเหรอ.... น้องเย่ เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป!”

ประตูถูกกระแทกเข้าเข้ามา ฉู่จิงเทียนและเล่งหยาเมื่อทราบข่าวของเย่หวูเฉินก็รีบมาที่นี่ ทว่าเมื่อมาถึงปากประตู ก็ได้ยินเสียงเย่หวูเฉินบอกว่าจะไป

ไม่ได้เจอกันอยู่พักหนึ่ง สองคนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ฉู่จิงเทียนยืนโง่งมอยู่ชั่วขณะ เย่หวูเฉินไม่ปิดบังและตอบตามตรง “ไปที่สำนักจักรพรรดิเหนือ”

“สำนักจักรพรรดิเหนือ?!” ฉู่จิงเทียนดวงตาเบิกกว้าง แม้มาอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ แต่ฉู่จิงเทียนก็ยังไม่เข้าใจสิ่งใด เย่หวูเฉินส่งเขากับเล่งหยามาอยู่ได้หลายวัน เพื่อหวังให้พวกเขาเข้าใจหลายๆสิ่งในเวลาอันสั้นที่สุด ฉู่จิงเทียนกล่าวคำอย่างรีบร้อน “น้องเย่ เจ้าพูดจริงเหรอ? แต่ว่าที่แห่งนั้นอันตรายเกินไป หรือว่า....ให้ข้าไปด้วยสิ มีข้าเพิ่มอีกคนจะได้ช่วยเจ้าอีกแรง”

เย่หวูเฉินสั่นศีรษะและยิ้ม “ไม่จำเป็น ไปตามหาคน เพียงข้าคนเดียวก็พอแล้ว ยิ่งกว่านั้น หากข้าไปคนเดียวย่อมหลบหนีได้ง่ายกว่า”

“....มันก็จริงอยู่หรอก แต่ว่าน้องเย่ เจ้าไปตามหาใคร?” ฉู่จิงเทียนถามอย่างสงสัย

“คนที่สำคัญยิ่งผู้หนึ่ง” เย่หวูเฉินตอบแล้วหันไปทางเหยียนเทียนเว่ย “ไปกันเถอะ ท่านปู่”

เขาเนิ่นช้ามาแล้วถึงสามปี ดังนั้นจึงไม่อยากรีรออีกแม้เพียงวินาทีเดียว แต่การจะเข้าไปยังสำนักจักรพรรดิเหนือ ก่อนอื่นต้องเข้าไปให้ถึงหนองน้ำด้านหลังสำนักจักรพรรดิเหนือ เขาจำเป็นต้องให้เหยียนเทียนเว่ยนำทางไป รวมถึงอาศัยพลังจากเขาในการกำจัดสัตว์อสูรให้พ้นทาง ดินแดนสาบสูญมีเฉพาะสัตว์อสูรที่ทรงพลัง เพราะสัตว์อสูรที่อ่อนแอไม่อาจอยู่รอดได้ และหากเดินเข้าไปมั่วซั่วส่งเดช ก็มีโอกาสที่จะเจอกับจ้าวอสูร

“เซียงเซียง ออกมา” เย่หวูเฉินหลับตาลงและเรียกเบาๆ ทันใดนั้นสาวน้อยขนาดพกพาก็ปรากฎอยู่บนไหล่ ทั่วร่างเรืองแสงสีขาว มีกลิ่นหอมโชยออกมาอย่างรวดเร็ว

“รีบร้อนกันจัง.... น้องเย่ ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะถามเจ้า” ฉู่จิงเทียนกล่าวด้วยสายตาคาดหวัง

“แล้วข้าจะรีบกลับมา” เย่หวูเฉินพยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นพอสายตาตกที่เล่งหยา เย่หวูเฉินก็กลายเป็นเงียบงัน เกิดความกระเพื่อมบางอย่างขึ้นในใจ เย่หวูเฉินจดจ้องเล่งหยาเป็นเวลานานโดยไม่ละสายตา

“เล่งหยา ไปกับข้า” เย่หวูเฉินกล่าวออกมาทันทีโดยไม่อธิบายสิ่งใด ทำให้เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนกงลั่วตกอยู่ในความงุนงง

เล่งหยาพยักหน้า ตามมาอยู่ข้างเย่หวูเฉิน เขาไม่ถามเหตุผลว่าทำไม หรือถามว่าต้องทำอะไร

“เดี๋ยวก่อน น้องเย่ เจ้าพาเจ้าหน้าน้ำแข็งไปด้วย เช่นนั้นก็พาข้าไปด้วยเถอะ ข้าเองก็อยากเห็นสำนักจักรพรรดิเหนือบ้างเหมือนกัน” ฉู่จิงเทียนกล่าวและตามมาอย่างรีบร้อน

“พี่ใหญ่ฉู่ ท่านรออยู่ที่นี่แหละ”

“แต่ว่า.... ทำไมเจ้าหน้าน้ำแข็งถึงไปได้ล่ะ?” ฉู่จิงเทียนกล่าวอย่างหดหู่ แต่สิ่งที่เขาถามนั้น เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนกงลั่วเองก็สงสัยเช่นกัน

“เล่งหยาไม่ได้ฝึกฝนด้านกำลัง เขาเพียงมุ่งเน้นไปที่ความเร็ว ดังนั้น เขาสามารถปกปิดตัวตนได้โดยง่าย หากกล่าวถึงพลังเขาไม่อาจเทียบกับท่านได้ แต่หากกล่าวถึงคนที่เชี่ยวชาญในการซ่อนตัวและหลบหนี เล่งหยานับว่าเหนือกว่าท่านมาก” เย่หวูเฉินกล่าว

ฉู่จิงเทียนคอตกทันที คำอธิบายนี้เขาไม่อาจปฏิเสธ เขาเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจเล่งหยามากที่สุด ทว่าคำอธิบายนี้ยังไม่อาจคลายข้อสงสัยของเหยียนเทียนเว่ยและเหยียนกงลั่ว ด้วยพลังขั้นสูงสุดของเหยียนเทียนเว่ย ทุกทักษะย่อมเหนือล้ำเกินเล่งหยาไปห่างไกล แต่เย่หวูเฉินยังไม่ยอมให้เขาไปด้วย ทว่าพวกเขาไม่ได้ถามสิ่งใด เพราะรู้ว่าเย่หวูเฉินตัดสินใจแบบนี้ย่อมมีเหตุผล

“ไปกันเถอะเซียงเซียง กลับไปที่บ้านของเจ้ากัน” เย่หวูเฉินกล่าวในใจเงียบๆ ในใจปรากฎภาพ ‘วิหารสาบสูญ’ อันลึกลับขึ้นมา

“อิย๊า” เซียงเซียงรับคำเบาๆ จากนั้นแผ่รัศมีแสงขาวนุ่มนวลเข้าห้อมล้อมเย่หวูเฉิน , เล่งหยา และเหยียนเทียนเว่ยสามบุคคล ฉับพลันพวกเขาก็หายไปจากที่แห่งนั้น

เพียงแสงขาววาบขึ้นชั่วขณะ ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฉากที่สลับฉับพลันทำให้ดวงตาพร่ามัวไปชั่วขณะ เหยียนเทียนเว่ยมองไปรอบๆและจดจำที่แห่งนี้ได้ “ใจกลางดินแดนสาบสูญ วิหารสาบสูญ เจ้านาย ท่านเคยมาที่แห่งนี้”

เขารู้ว่าจิ้งจอกมังกรมีความสามารถในการตัดผ่านมิติ ทว่ามีกฎสำคัญข้อหนึ่งคือนางหรือเย่หวูเฉินต้องเคยไปสถานที่แห่งนั้น ไม่อย่างนั้นจะไร้ตำแหน่งตายตัวที่เป็นจุดหมาย และจะทำให้ไปโผล่ที่ใดก็ไม่อาจทราบ

“ถูกต้อง สามปีก่อนข้าเคยมาที่นี่ และได้พบกับเซียงเซียงที่นี่เช่นกัน” เย่หวูเฉินกล่าวสรุปเพียงสั้นๆ เขามองไปรอบๆและไม่อธิบายอะไรอีก “ไปกันเถอะ”



<<<PREV    .    NEXT>>>