วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 372

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 372 ค่ายกลอลม่านหยกวารี (1)

“เทพแล้วยังไง.... ท่านน่าจะเห็นแล้วว่ามันมองพวกเราด้วยความเหยียดหยันโดยส่วนเดียว! ยิ่งกว่านั้น มันยังบ่งบอกชัดเจนว่าคนที่มันตามหาอยู่กับเรา เฮอะ ต่อให้มันเชื่อพวกเราแล้วอย่างไร ถึงยังไงมันก็คิดฆ่าพวกเราอยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับมัน.... ตั้งแต่ที่มันปรากฎตัวขึ้น ท่านประมุขและข้าก็รู้แล้วว่านี่เป็นหายนะร้ายแรงที่สำนักจักรพรรดิใต้ไม่อาจหลีกเลี่ยง ดังนั้นท่านประมุขจึงเตรียมการที่จะใช้....”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ฉุ่ยม่านชานส่งเสียงเยือกเย็นและหนักแน่นดุจขุนเขา เขาและฉุ่ยเสวียนฟงพยักหน้าให้กันและตะโกนออกไป “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าโทษพวกเราที่เสียมารยาท.... ต่อให้เจ้าเป็นเทพแท้จริง วันนี้สำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเราก็จะสังหารเทพ!”

ฮ่าห์!

ฉุ่ยม่านชานกู่ร้องคำรามและเป็นฝ่ายลงมือก่อน ฝ่ามือสองข้างผลักออกไปเบื้องหน้า เพลิงสีฟ้าแห่งหยกวารีควบกลั่นผสานกับเสียงมังกร มันคำรามและทะยานไปที่เจวี๋ยเทียน เพียงพริบตาก็พุ่งไปถึงเบื้องหน้ามัน

ความเข้มข้นของพลังทำให้ใบหน้าเย็นชาของเจวี๋ยเทียนเผยความประหลาดใจเล็กน้อย มือที่จับหอกอยู่ส่งออกไปเบื้องหน้า แทงมังกรหยกวารีที่พุ่งเข้ามาอย่างแผ่วเบา มีเพียงเสียง ‘แคร้ง’ ดังขึ้นเล็กน้อย มังกรหยกวารีที่คำรามเข้าปะทะกับหอกกลับสลายไปในพริบตา ราวกับถูกกลืนเข้าไปโดยวังน้ำวนล่องหน

ฉากนี้ทำให้สำนักจักรพรรดิใต้สีหน้าเปลี่ยนด้วยความตกใจ นี่คือมังกรหยกวารีที่ใช้ออกโดยฉุ่ยม่านชานยอดฝีมือเทวะขั้นกลาง ทว่ากลับถูกรับได้หมดจดโดยแทบไม่ต้องออกแรง เทียบกับพลังขอบเขตเทวะแล้ว มันย่อมเหนือล้ำกว่าอย่างน้อยหนึ่งขอบขั้น

เป็นพลังในตำนาน ที่มนุษย์มีวันเอื้อมถึง ขอบเขตเหนือเทพที่มนุษย์ไม่อาจต่อกร!

“อวดดียิ่งนัก!”

เจวี๋ยเทียนส่งเสียงเย็นเหยียดหยัน เสียงของเขายังไม่ทันสิ้นไปจากอากาศ ร่างขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้ามาเป็นเส้นสีม่วง ฉุ่ยม่านชานและฉุ่ยเสวียนฟงเห็นเงาสีม่วงปกคลุมเบื้องหน้า ขยายตรงเข้ามาในสายตา

ทั้งคู่ต่างตื่นตระหนก ภายใต้วิกฤตตรงหน้า ปราการหยกวารีถูกสร้างขึ้นประสานกันโดยสัญชาตญาณ พวกเขาถอยร่างไปด้านหลัง.... เสียง “ติ้ง” และ “ติ้ง” สองสายสะท้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ปราการหยกวารีราวกับกระจกน้ำแข็งที่แตกออกอย่างง่ายดาย สายฟ้าสีม่วงพุ่งเข้ากระทบตรงอกของพวกเขา ส่งฉุ่ยม่านชานและฉุ่ยเสวียนฟงกระเด็นไปไกล คนหนึ่งปลิวไปทางซ้าย อีกคนปลิวไปทางขวา พุ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง กระทบพื้นดินด้วยเสียงดังลั่น เกิดสองหลุมขนาดใหญ่บนพื้น ส่งหมอกฝุ่นกลุ่มใหญ่ฟุ้งขึ้นฟ้า

เพียงการลงมือหนึ่งครั้ง จู่โจมเพียงธรรมดา ก็ทำให้ยอดฝีมือเทวะขั้นกลางทั้งสองคนพ่ายแพ้!

สั่นสะท้าน.... นี่คือสิ่งที่ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิใต้แต่ละคนรู้สึก ทว่าการสั่นของพวกเขาไม่คงอยู่นานนัก เนื่องจากเงาร่างสีม่วงขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัว แผ่พลังมหึมาท่วมฟ้า จนราวกับว่าท้องฟ้าใกล้ถล่มทลาย ผืนดินยังสะเทือน

เป็นเงาหอกหลายเล่มที่ปรากฎ แต่ละเล่มล้อมรอบด้วยสายฟ้าน่าหวาดหวั่น เงาหอกบดบังท่วมฟ้า ส่งปลายแหลมปักลงมายังผืนดิน ปักร่างของคนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เสียงโหยหวนเจ็บปวดดังระงม เจวี๋ยเทียนลงมือเพียงหนึ่งครั้ง ผืนดินใต้ร่างก็กระเซ็นไปด้วยเลือด

เสียงกรีดร้องโหยหวนปลุกยอดฝีมือแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ให้ตื่นจากภวังค์ ความตายกำลังใกล้มาถึง พวกเขาไร้หนทางให้เลือกอีก ต่างล้วนโคจรพลังหยกวารีสุดกำลังจู่โจมขึ้นไปบนฟ้า

พลังหยกวารีมีพื้นฐานคือการป้องกันและสั่งสม ขณะที่ด้านการจู่โจมนั้นอ่อนแอและเรียบง่ายเกินไป ทว่าเมื่อโจมตีระยะไกลโดยใช้มังกรหยกวารี ฉับพลันนั้น ไม่ว่ามังกรหยกวารีจะตัวโตหรือเล็กเพียงใด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ทั้งหมดล้วนพุ่งออกจากฝ่ามือผสานกันไปยังหนึ่งเป้าหมาย ทว่าเจวี๋ยเทียนที่เผชิญหน้ากับการจู่โจมรอบทิศทาง มันกลับคร้านที่จะหลีกเลี่ยง ปล่อยให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดแห่งทวีปเทียนเฉินโจมตีใส่ร่าง พลังโจมตีเหล่านี้นอกจากไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อมัน กระทั่งร่างของมันยังไม่ขยับถอยไปจากจุดเดิมแม้เพียงเสี้ยว

เป็นคำเตือนส่งทั่วสำนักจักรพรรดิใต้ ในชั่วเวลาสั้นๆ หมู่ตึกขุนเขาจักรพรรดิใต้ที่ทอดยาวหลายลี้ทั้งเบื้องสูงเบื้องต่ำ ต่างล้วนรู้ตัวว่ากำลังพบกับศัตรูน่าหวาดหวั่น การลงมือของมันเป็นวิกฤตร้ายแรงที่สุดที่สำนักจักรพรรดิใต้เคยประสบ เทียบกับสตรีเทพพิโรธแล้วมันน่ากลัวกว่าหลายเท่า กระทั่งอาจถึงสิบเท่าหรือร้อยเท่า

การโจมตีครั้งนี้ สัมผัสถึงแรงกดดันมหาศาล ทุกคนในสำนักจักรพรรดิใต้ไม่สนใจสิ่งอื่นอีก ไม่ยับยั้งพลังใดๆ ทุ่มโถมออกจนเต็มกำลัง โจมตีเจวี๋ยเทียนกลางอากาศ ทว่า.... ต่อหน้าสถานการณ์กดดันร้ายกาจ ที่พวกเขากำลังเผชิญกลับไม่ใช่ศัตรูนับพัน แต่เป็นบุคคลเพียงผู้เดียว

การโจมตีของเจวี๋ยเทียนราวกับไร้รูปแบบ ใบหน้าเหยียดหยันเย็นชา ขณะหอกยาวถูกตวัดอย่างเรียบง่าย ทุกครั้งที่เหวี่ยงวาดมิติจะบิดผันอย่างเห็นได้ชัด ทุกสิ่งที่สัมผัสเข้ากับสายฟ้าสีม่วงไม่ว่าจะเป็นพลังหยกวารีหรือร่างกายมนุษย์ กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์และวิญญาณยังถูกกระแทกร่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ไร้พลังต้านทานให้รอดชีวิต เมื่อถูกโจมตีย่อมถูกสังหาร เรื่องบาดเจ็บไม่ต้องพูดถึง สำนักจักรพรรดิใต้ล้วนตื่นตระหนก ราวกับกลุ่มเด็กหัดเดินที่ไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อบุรุษได้

หอกยาวเหวี่ยงวาด วงแสงสีม่วงทะยานลงสู่ผืนดิน สี่ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณที่เพิ่งกระโดดขึ้นถูกตัดร่างเป็นสองท่อนด้วยวงแสง ทว่าร่างของคนทั้งสี่ไม่อาจเทียบพลังการโจมตีของเจวี๋ยเทียน มิอาจลดทอนพลังของวงแสงได้ มันตัดลงสู่ผืนดิน  สังหารคนเบื้องล่างหลายคนอย่างง่ายดาย เมื่อตัดลงถึงพื้นก็ทิ้งร่องลึกไว้ พร้อมฝุ่นผงกลุ่มใหญ่ที่ฟุ้งกระจาย

การเหวี่ยงวาดตามมาอีกครั้ง หอกยาวกรีดอากาศตัดเป็นวงโค้ง คนที่อยู่ใกล้รัศมีสิบเมตรถูกพลังฟาดใส่ปลิวไปพร้อมโลหิตที่กระจาย ไร้คนเคราะห์ดีที่รอดชีวิต พวกเขาที่มีพลังหยกวารีคุ้มร่างกลับถูกการโจมตีของเจวี๋ยเทียนทำลายลงง่ายดายราวกับฟองอากาศ การโจมตีแต่ละครั้งเรียบง่ายและผ่อนคลาย สีหน้าแสดงออกถึงความเหยียดหยันล้ำลึก อ่อนแอเกินไป....สำหรับมันแล้ว การโจมตีของผู้คนเหล่านี้แม้ว่าจะเกินความคาดหมายของมัน ทว่ายังคงอ่อนแอเกินไป เจวี๋ยเทียนแทบไม่ต้องออกแรงใดๆในการรับมือกับคนที่รุมล้อม ที่จำเป็นต้องทำคือเหวี่ยงหอกอย่างเรียบง่ายและผ่อนคลาย....

นี่คือความต่างชั้นของเทพและมนุษย์

ฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานพุ่งขึ้นจากหลุมดิน มุมปากปรากฎเป็นรอยเลือด ทั้งสองหันหน้ามองกัน จากนั้นจู่โจมใส่เจวี๋ยเทียนอย่างพรักพร้อม กระทั่งพวกเขายังไม่อาจต้านรับการจู่โจมของเจวี๋ยเทียนได้ แม้ต่อหน้าคนอื่นพวกเขาคือยอดฝีมือระดับสูงสุดแห่งทวีปเทียนเฉิน ทว่าต่อหน้าเจวี๋ยเทียนล้วนไม่อาจต่อต้าน หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาย่อมไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อร่างของเจวี๋ยเทียนได้ มีเพียงสำนักจักรพรรดิใต้ที่จะสูญเสียสาหัส กล่าวง่ายๆคือตกตายโดยเปล่าประโยชน์

พลังแกร่งกล้าสองสายเข้ามาใกล้ เจวี๋ยเทียนแสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมาบ้างในที่สุด เผชิญรับการจู่โจมของสองยอดฝีมือเทวะ เจวี๋ยเทียนหมุนร่างเหวี่ยงหอกยาวเข้ารับร่างของพวกเขา ฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานเบี่ยงกายกลางอากาศ คนหนึ่งหลบออกซ้าย อีกคนหลบออกขวา ปล่อยมังกรหยกวารีจากสองทิศทาง มังกรหยกวารีของพวกเขาย่อมไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิใต้ธรรมดาจะเทียบได้ เมื่อมังกรคู่ทะยานออกมา อากาศโดยรอบก็บิดผันอย่างรุนแรง

เจวี๋ยเทียนแค่นหยันเสียงเย็น มือขวาแทงหอกไปยังมังกรหยกวารีตัวหนึ่ง ส่วนมือซ้ายอีกข้างก็คว้าไปที่อีกตัว

เสียงปะทะสองระดับดังขึ้น มังกรหยกวารีที่สัมผัสปลายหอกถูกตัดเป็นสองเสี่ยงทันที พลังหยกวารีก็สลายหายไป ส่วนมังกรหยกวารีอีกตัวที่ถูกจับด้วยมือนั้น หลังจากดิ้นรนอยู่ชั่วขณะ เจวี๋ยเทียนก็สีหน้าทะมึนลง บีบมืออย่างรุนแรงจนมังกรหยกวารีแตกเป็นสายหมอกและกระจายหายไป

ต้านรับง่ายดายกว่าการหลบเลี่ยง ทั้งยังเป็นการทำลายขวัญของผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้ ฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานไม่หยุดรอ กู่ร้องเสียงดังและพุ่งเข้าหาเจวี๋ยเทียน ทั้งสองจู่โจมเข้าถึงร่างเจวี๋ยเทียนแทบจะพร้อมกัน.... กลุ่มพลังสีฟ้าระเบิดออกที่กลางร่างเจวี๋ยเทียน จนเสียงเลือนลั่นสะเทือนโสต ผสานกับเสียงแตก ‘เปรี๊ยะ’ ของสายฟ้าปั่นป่วน การจู่โจมนี้เป็นการระเบิดพลังสูงสุดของสองยอดฝีมือขอบเขตเทวะ เสียงเลือนลั่นแทบทำลายโสตประสาทของผู้คน ที่ใต้ร่างของพวกเขา พื้นดินยังร้าวออกด้วยคลื่นกระแทก

หลังจบการระเบิด มีสองร่างปลิวออกมาจากจุดศูนย์กลางด้วยความเร็วสูงล้ำกว่าตอนที่พุ่งเข้าไป จนกระทั่งพวกเขาปลิวไปไกลจากสายตาผู้คน หลังจากแสงสีฟ้าจางลงแล้ว พวกเขาจึงเห็นร่างใหญ่โตของเจวี๋ยเทียน แต่ละจุดบนร่างยังสมบูรณ์ กระทั่งผ้าคลุมยังไม่มีรอยฉีกขาดแม้แต่เพียงเล็กน้อย 

มันกวาดสายตาลงเบื้องล่างเพื่อหาเป้าหมาย ทุกคนที่ถูกสายตานั้นกวาดผ่านล้วนรู้สึกเหมือนถูกมือเหล็กบีบลำคอ หายใจไม่ออกอึดอัดจนแทบกระอักเลือด เจวี๋ยเทียนรับมือการโจมตีของสองยอดฝีมือเทวะแห่งสำนักจักรพรรดิใต้อย่างง่ายดาย และสวนกลับในเวลาไม่ถึงสองอึดใจ แรงกดดันร้ายกาจเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ไร้พ่าย.... นี่คือคำที่ผู้คนไม่อาจอดใจนึกถึงมัน มันแข็งแกร่งเกินไป ขอบเขตเทวะกลับพ่ายลงตรงหน้าด้วยการโจมตีเดียว บรรยากาศเงียบงันดุจความตายในชั่วสั้นๆ ไม่มีผู้ใดกล้าจู่โจมอีก ทำได้เพียงระงับความกลัวในจิตใจ แหงนมองชายที่ลอยร่างกลางอากาศในชุดเกราะม่วง.... พวกเขาทำได้เพียงมอง คิดกระทั่งว่าต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่นี้ กระทั่งแหงนมองพวกเขายังแทบไม่คู่ควร

เจวี๋ยเทียนยังคงไม่พบเป้าหมาย สีหน้าเหยียดหยันไม่อาจอดทนปรากฎบนใบหน้า เขาค่อยๆยกมือขึ้นแล้วฟาดลงอย่างรวดเร็ว

ตูม!!!

ลงมือแบบธรรมดาอีกครั้ง ไร้การโคจรพลังใดๆ พื้นดินตรงหน้าระเบิดออก ระยะการระเบิดลากยาวไปกว่า 200 เมตร อาคารที่อยู่ในเส้นทางระเบิดออกกลายเป็นเศษซาก ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายขึ้นฟ้า มีเสียงบุรษและสตรีร้องโหยหวนดังระงม หลังจากเว้นช่วงสังหารไปไม่นาน มันก็เริ่มลงมือทำลาย องค์หญิงเฮยเย่อยู่ที่นี่ ตราบใดที่มันถูกทำลาย นางจะไร้สถานที่ให้ซ่อนตัวอีก

จากที่ห่างไกล มีเสียงเร่งร้อนของฉุ่ยเสวียนฟงดังขึ้น “จัดค่ายกล!! อลม่านหยกวารี!”

เสียงคำรามดังลั่นทำให้ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิใต้ที่ปั่นป่วนมองไปยังต้นเสียง พวกเขากัดปลายลิ้นปลุกสติขึ้นมาในสมอง ฝุ่นทรายที่บดบังทัศนวิสัยจางลง ผู้คนหันหน้ามองกัน จากนั้นปรับตำแหน่งโดยใช้สายตา

แม้ว่าจะบาดเจ็บล้มตายจากการจู่โจมของเจวี๋ยเทียน แต่ไหนเลยผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้จะมีพวกไร้พรสวรรค์ พวกเขารับคำสั่งผู้อาวุโส  ระงับความกลัวและสงบจิตใจลงโดยเร็วที่สุด หลังจากการโจมตีระลอกแรกของเจวี๋ยเทียน เมื่อมันกำลังมองหาจุดโจมตีต่อไป ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิใต้จำนวน 300 ก็กระจายคนล้อมรอบเจวี๋ยเทียนอย่างมีแบบแผน สร้างค่ายกลรบใต้ร่างของเจวี๋ยเทียนหลายสิบเมตร ขณะที่คนอื่นๆยืนกระจายอยู่นอกวง แหงนหน้ามองขึ้นบนฟ้า โคจรพลังหยกวารีเต็มกำลังทั่วร่างอย่างเงียบงัน



<<<PREV    .    NEXT>>>