วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 389

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 389 ซือเฉิน

“ท่านพ่อ.... มีเด็กอยู่ตรงนั้นด้วย เอ๋?”

เสี่ยวโม่กล่าวคำจบลง จิตใจก็ถูกดึงดูดไปยังเด็กหญิงที่อยู่บนพื้นหิมะตรงหน้า ทันใดนั้น สายตาของนางก็ไม่อาจสนใจสิ่งอื่นอีก แม้นางเองก็เป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง แต่นางไม่อาจอดถอนหายใจได้ เมื่อเห็นสาวน้อยที่น่ารักปานนางฟ้า เส้นผมที่อ่อนนุ่ม ดวงดาเป็นประกายดุจผลึก ขนตาสองแถวงอนงาม จมูกนิดปากหน่อยเป็นสีชมพู ทุกอย่างได้รูปสมบูรณ์แบบ ผิวพรรณเรื่อสีชมพูจาง มองปราดแรกราวกับเป็นตุ๊กตาหยก กระตุ้นนางให้อยากอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาอย่างแรงกล้า

เสี่ยวโม่เรียกเย่หวูเฉินหลายครั้ง ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับ นางเคลื่อนสายตาออกจากเด็กหญิงตัวน้อย มองมาที่หน้าของเย่หวูเฉิน นางพลันพบว่าสีหน้าของเขาเลื่อนลอย นัยน์ตาสั่นไหวอย่างรุนแรง ร่างกายยังสั่นเทาเล็กน้อย

“ท่านพ่อ?” เสี่ยวโม่เรียกเสียงเบาอีกครั้ง

เด็กหญิงในหิมะยืนขึ้น สองเท้าน้อยๆก้าวมาข้างหน้า ทว่าหิมะค่อนข้างลึกมาก นางไม่ทันระวังและล้มลงบนหิมะอีกครั้ง ดังนั้น นางจึงใช้มือสองข้างคลานมาทีละน้อยเหมือนตอนแรก เสี่ยวโม่มองสีหน้าที่ปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆของเย่หวูเฉินด้วยความแปลกใจ จนกระทั่งเด็กหญิงคลานมาถึงเท้าของเย่หวูเฉิน สองมือบอบบางก็กอดขาเขาไว้ และกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

เย่หวูเฉินย่อร่างลงช้าๆ ด้วยเกรงว่าหากเคลื่อนกายเร็วเกินไป จะทำให้ชีวิตน้อยๆนี้ตกใจได้

มืออันสั่นเทายื่นออก สัมผัสร่างกายที่อ่อนนุ่ม ประหนึ่งคนสัมผัสหิมะบอบบาง นี่คือร่างของเด็กน้อย สัมผัสแห่งสายเลือดส่งผ่านจากฝ่ามือ กระทบสู่ส่วนลึกของหัวใจเป็นเวลานาน เขาลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของนาง ลูบดวงตา จมูก ริมฝีปาก.... กระทั่งทุกนิ้วมือ ทุกนิ้วเท้า ทุกส่วนบนร่าง.... หัวใจสั่นสะเทือนด้วยการสั่นพ้องของสายเลือด

มือเล็กๆนุ่มนวลข้างหนึ่งวางบนมือเขา จากนั้นจับนิ้วของเขาไว้และกำไว้แน่น ราวกับกลัวว่าถ้าหากปล่อยมือ เขาจะจากไป ในดวงตาพร่าชื้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาใช้มือสองข้างอุ้มนางขึ้นแล้วกอดไว้ตรงอก แนบนางให้ชิดกับอกตน.... ขณะที่กอดนางไว้อย่างเงียบงัน ก็รู้สึกได้ถึงสายเลือดเดียวกันที่ไม่มีวันตัดขาด

เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยปรารถนาให้สายตาตัวเองคืนกลับมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะเขาอยากลืมตามองดูเด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมแขน นางที่เป็นลูกสาวของเขา!

เสี่ยวโม่จ้องมองทั้งสองคน ทั้งรู้สึกตกใจและชะงักนิ่ง ทว่าขณะที่นางกำลังจะส่งเสียงทำลายความเงียบอันพิกล นางก็พบว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง.... มันเงียบเกินไป เด็กหญิงตัวน้อยอ้าปากขยับอยู่หลายครั้ง ทว่ากลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา....

....................

....................

“ซือเฉิน ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว”

พร้อมกับเสียงอ่อนโยนทรงเสน่ห์ มีร่างหนึ่งในชุดหิมะขาว ดูเหมือนเป็นหญิงสาวอายุราว 16 ปีเดินเข้ามา นางถือได้ว่าเป็นสตรีที่งามยิ่ง โดยเฉพาะผิวพรรณที่ขาวกระจ่างดุจหิมะ อันเพียงพอทำให้สตรีทั่วหล้าต้องชื่นชมและอิจฉา ในมือนางถือขวดนม หากมองให้ดีจะพบว่าขวดนมนี้ทำมาจากน้ำแข็ง ทว่ามันถูกพลังบางอย่างบรรจุไว้ ทำให้กลายเป็นน้ำแข็งที่ไม่ละลายด้วยความร้อน ในขวดมีของเหลวสีขาวอยู่ครึ่งหนึ่ง จากกลิ่นที่โชยออกมาจากช่องว่างเล็กๆ เป็นข้อพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่น้ำนมธรรมดา แต่เป็นบางอย่างที่ล้ำค่ายิ่งของโลก

“อ๊า! ซือเฉิน.... ซือเฉิน....”

ผ้าห่มถูกเลิกออกไปครึ่งหนึ่ง บนเตียงเล็กๆว่างเปล่า เด็กน้อยที่นอนหลับอุตุอยู่ก่อนหน้าได้หายตัวไป หญิงสาวจากใบหน้าร่าเริงยินดี ตอนนี้สลายไปสิ้นไร้ร่องราย กลายเป็นความตื่นตระหนก ด้วยความตกใจ นางเกือบทำขวดนมในมือหล่น หลังจากที่นางอุทานตกใจ เสียงฝีเท้าเร่งรีบของหญิงสาวอีกคนก็ก้าวเข้ามา นางอยู่ในชุดขาวหิมะแบบเดียวกัน อายุเท่ากัน รูปร่างหน้าตา.... ยังเหมือนกันไม่มีผิด!

“เกิดอะไรขึ้น! ซือเฉิน! ซือเฉินหายไปไหน?”

หญิงสาวทั้งสองคนแตกตื่น เพราะในวังสตรีหิมะตอนนี้มีอยู่เพียงห้าคนเท่านั้น หากไม่นับพวกนางทั้งสองคน ก็เหลือท่านจ้าววัง เหลือซือเฉิน และอีกหนึ่งบุคคลที่หลับไหลมาเป็นเวลายาวนาน ท่านจ้าววังไม่ได้ออกมาหลายวันแล้ว ย่อมไม่ใช่จ้าววังที่พาซือเฉินไป ฉะนั้นไหนเลยพวกนางจะไม่ตื่นตระหนก

ปกติพวกนางสองคนจะช่วยกันดูแลซือเฉิน ทั้งสองจึงรักใคร่นางฟ้าตัวน้อยอย่างล้ำลึก ขณะที่พวกนางกำลังจะออกตามหา เสียงดังกึกก้องและกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นก็ร่วงลงมาจากเหนือศีรษะทันใด ทั้งพื้นเบื้องบน และพื้นเบื้องล่าง ต่างสั่นสะเทือน

ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นพุ่งออกไปอย่างเร็วรุด ติดตามไปยังกลิ่นอายนั้นทันที ขณะต่อมาก็ตกตะลึงกับสองคนหน้าใหม่ ทว่าในอ้อมอกของบุรุษนั้น กำลังกอดซือเฉินของพวกนางไว้

“พวกเจ้าเป็นใคร?” แท่งน้ำแข็งปลายแหลมปรากฎขึ้นในมือของหญิงสาวทั้งสอง พวกนางตกใจกับการบุกรุก แสดงอาการต่อต้านเย่หวูเฉินและเสี่ยวโม่ที่อยู่ตรงหน้า เพียงมองปราดตา พวกนางก็ต้องตกใจกับรูที่อยู่เหนือศีรษะ ชั้นน้ำแข็งที่จ้าววังสร้างขึ้นแกร่งกล้าเพียงใด หนึ่งเสียงที่สะเทือนนั้นบ่งบอกว่าพวกเขาเจาะลงมาด้วยการโจมตีเดียว ไหนเลยพวกนางจะไม่ตกใจได้

วังสตรีหิมะไม่เคยมีคนกล้าบุกรุก ทว่าสามปีก่อนเสวี่ยหนี่ได้เยือกแข็งวังสตรีหิมะไว้ทั้งหมด เท่ากับการปิดตัวโดดเดี่ยวจากโลกภายนอก การที่สองบุคคลบุกรุกเข้ามาย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่ว่าซือเฉินกำลังถูกกอดไว้ในอกของบุรุษนั้น พวกนางจึงไม่กล้าลงมือจู่โจม

เสี่ยวโม่มองเย่หวูเฉินด้วยคำถาม เย่หวูเฉินกอดเด็กน้อยไว้ในอกอย่างเงียบงัน ยิ้มกล่าวอย่างอ่อนโยน “น้องหญิงทั้งสองโปรดวางใจ พวกเรามาที่นี่ไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายใดๆ”

สองเสียงแปลกหน้า จากน้ำเสียงที่อ่อนต่อโลก เขารู้ทันทีว่าหญิงสาวทั้งสองจะต้องอายุน้อยกว่าเขา

“งั้นก็ดี.... ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็วางนางลงก่อน นางยังเป็นเพียงแค่เด็ก” หญิงสาวคนที่สองน้ำเสียงร้อนรนไม่ต่างจากคนแรก พวกนางคิดว่าที่ซือเฉินหายไปเป็นเพราะคนผู้นี้บุกรุกเข้ามาและพาตัวนางไป แววตาของพวกนางจับจ้องที่ร่างของซือเฉิน ด้วยเกรงว่านางจะได้รับบาดเจ็บใดๆ พวกนางไม่สังเกตถึงแววตาที่แปลกประหลาดของเย่หวูเฉิน

อย่างไรก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพวกนางตาลาย พวกนางเห็นรัศมีสีขาวจางที่ร่างของซือเฉิน แสงขาวนั้นดูลวงตาอย่างมาก เป็นแสงขาวที่ทุกคนรู้จัก แต่กลับรู้สึกประหลาดอย่างไม่อาจอธิบาย มันให้ความรู้สึกราวกับว่า.... พวกนางไม่เคยเห็นแสงขาวมาก่อน

“ทำไมข้าต้องปล่อยนาง” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ ลูบเด็กน้อยในอ้อมอกสัมผัสนางอย่างแผ่วเบา “ข้าคือเย่หวูเฉิน เป็นพ่อของนาง”

หญิงสาวทั้งสองคนตะลึงงันอยู่ตรงนั้นทันที เสี่ยวโม่ยังชะงักนิ่งอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสั่นไหวมองยังร่างของเย่หวูเฉินและซือเฉิน

หญิงสาวทั้งสองหันหน้ามองกัน จากนั้นหันกลับมาพรักพร้อมด้วยใบหน้าเย็นเยียบ “เป็นไปไม่ได้! เห็นอยู่ชัดๆว่าเย่หวูเฉินตายไปแล้วเมื่อสามปีก่อน....”

“จ้าววังของพวกเจ้าสมควรบอกแบบนั้น สามปีก่อน ข้าถูกกดดันให้โดดลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณในอาณาจักรต้าฟง แต่ข้าไม่ได้ตกตาย หากพวกเจ้าไม่ได้ปิดกั้นที่นี่เอาไว้ หลายเดือนก่อนพวกเจ้าย่อมได้ยินข่าวว่าข้ายังไม่ตาย”

เย่หวูเฉินถอนหายใจบาง เรียกสิ่งอ่อนนุ่มบางอย่างออกจากแหวนเทพกระบี่ ส่งไปตรงหน้าหญิงสาวทั้งสองด้วยสีหน้าซับซ้อน “นำสิ่งนี้ไปให้จ้าววังของพวกเจ้า บอกนางว่า.... ข้าไม่เคยลืมเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน ไม่ลืมหิมะโปรยปรายเหนือแม่น้ำสวรรค์ใต้ดุจสายรุ้ง”

เป็นผ้าคลุมหน้าสีขาว เสวี่ยเฟยเยี่ยนเคยสวมมันเมื่อสามปีก่อน นี่เป็นของสิ่งเดียวของนางที่เหลือไว้ หญิงสาวรับมาด้วยความระวัง หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็จากไปอย่างรวดเร็ว อีกคนยังคงยืนทื่ออยู่ด้วยสีหน้าตื่นตัว ยกแท่งน้ำแข็งแหลมคุมเชิงไว้ ทว่าหลังจากที่มองดวงตาสั่นไหวของเย่หวูเฉินโดยไม่ละวาง นางก็เริ่มเชื่อเขาขึ้นมาหลายส่วน หัวใจยังรู้สึกหวั่นไหวตาม ยิ่งกว่านั้น ซือเฉินยังสงบอย่างดีในอ้อมแขนเขา ราวกับว่ากำลังหลงใหลในสัมผัสอ้อมแขน

หรือนี่จะเป็นความจริง ที่เขาคือ....

“น้องหญิง ไม่ทราบว่าเจ้า ชื่อว่าอะไร?” เย่หวูเฉินถามด้วยรอยยิ้ม ทว่าภายในใจมีความบีบคั้นอยู่เงียบๆ ก่อนหน้าเขาตื่นเต้นไม่ตระหนักถึงสิ่งใด ทว่ายามนี้ เขาต้องหวั่นกลัว เนื่องจากเด็กน้อยตั้งแต่คลานมาถึงเขา จนถูกอุ้มขึ้นในอ้อมอก ทั้งหมดกลับไม่มีเสียงใดส่งออกมา.... แม้แต่น้อย!

“....เสวี่ยซิน” หญิงสาวลังเลเล็กน้อย จากนั้นกล่าวต่อ “คนเมื่อครู่คือพี่สาวของข้า เสวี่ยอู่”

“เสวี่ยซิน เสวี่ยอู่ เป็นนามที่ไพเราะมาก”

“....ท่านคือเย่หวูเฉินจริงๆเหรอ?” พอได้ยินน้ำเสียงและเห็นสีหน้าของเขา ความกดดันในใจของเสวี่ยซินก็ลดลงไปหลายส่วน นางเริ่มมองดูเขาอย่างระวัง

ปกติพวกนางอาศัยอยู่ในวังสตรีหิมะ ย่อมไม่ได้ติดต่อกับคนนอก ถ้อยคำของเย่หวูเฉินเป็นครั้งแรกที่เสวี่ยซินได้รับคำเยินยอ เป็นธรรมชาติของหญิงสาวที่ชื่นชอบคำชม ตอนนี้ใบหน้านางเรื่อสีชมพูเล็กน้อย

“ข้าดูไม่เหมือนหรือ?”

“....ข้าไม่รู้” เป็นสิ่งเดียวที่เสวี่ยซินตอบได้

“นางชื่ออะไร?” เย่หวูเฉินกอดเด็กน้อยในอ้อมอกอย่างอ่อนโยน นางยังคงดันตัวเข้ามาในอก ราวกับจะแนบร่างให้แน่นขึ้น แม้ว่าเขาไม่อาจมองเห็น ทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้กอดนาง แต่เขาเชื่อมั่นอย่างหนักแน่น จิตวิญญาณที่กระเพื่อมถึงส่วนลึก สายเลือดที่ผูกโยง ชะตาที่เชื่อมถึงกัน สายสัมพันธ์ชีวิตที่ยึดโยง เป็นข้อพิสูจน์อันหนักแน่น.... ว่านางคือลูกสาวของเขา

“ซือเฉิน”

“ซือเฉิน....” เย่หวูเฉินทวนชื่อซ้ำอีกครั้ง ดวงตาปิดลงช้าๆ ชื่อนี้ทำหัวใจที่เพิ่งสงบลงของเขาให้กระเพื่อมขึ้นอีกครั้ง

“นี่เป็นชื่อที่ท่านจ้าววังตั้งให้” สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเย่หวูเฉิน ล้วนอยู่ในสายตาของเสวี่ยซิน นางพบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้สงสัยเขาอีกแล้ว บางที เขาอาจเป็นเย่หวูเฉินที่ควรตายไปแล้วคนนั้นจริงๆ!

“แม่ของนางล่ะ?” เย่หวูเฉินเอ่ยถาม เขาอยากพบเหยียนจื่อเมิ่งในทันที

“นาง....” เสวี่ยซินมีอาการลังเล สุดท้ายไม่ได้กล่าวตอบ “หากท่านคือเย่หวูเฉินจริงๆ เช่นนั้น ท่านจงถามท่านจ้าววังเอาเอง”

หัวใจของเย่หวูเฉินดิ่งวูบ เขาส่งเสียงถามทันที “....หรือว่า นางไม่ได้อยู่ที่นี่? หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาง?”



<<<PREV    .    NEXT>>>