วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 378

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 378 โจมตีหนัก! แยกฟ้าผ่าปฐพี!

หัวใจของเย่หวูเฉินหดวูบเล็กน้อย หลังจากถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เขาก็สงบจิตใจลง เวลานี้ เจวี๋ยเทียนราวกับเปลี่ยนเป็นอีกคน พลังและแรงกดดันเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

เขาอยากให้เจวี๋ยเทียนตกตาย และต้องตายเท่านั้น เพราะหากเจวี๋ยเทียนไม่ตายมันจะพาทงซินจากไป และหนิงเสวี่ยจะเหลือเพียงตัวลำพัง.... ทุกสิ่งที่เขาทำไว้ก็จะกลายเป็นเพียงฟองอากาศ

การต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่อาจพ่ายแพ้

จนถึงเมื่อครู่ เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าทุกสิ่งเป็นไปคาดอย่างราบรื่นเกินไป ทว่าฉับพลันเจวี๋ยเทียนก็สร้างความประหลาดใจ ทั้งยังใกล้เคียงกับความสิ้นหวัง

“องค์หญิงเฮยเย่ หลังจากร่างอัสนีเทวะของข้าถูกใช้ออก ข้าเจวี๋ยเทียนจะไม่อาจใช้พลังเทพได้อีกเป็นเวลาหนึ่งเดือน พลังของข้าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมสามเท่า.... แม้ว่าตอนนี้ข้าอยู่ในร่างอัสนีเทวะ แต่ยังคงนับว่าอ่อนด้อยกว่ายามที่ข้ามีสภาพสมบูรณ์ ทว่าเท่านี้ก็เพียงพอนำท่านกลับไปยังทวีปเทวะแล้ว.... พอ! วันนี้ข้าจ่ายราคาสาหัสเกินไป ฉะนั้นอย่างไรข้าก็ต้องพาท่านกลับไปให้ได้!”

ร่างอัสนีเทวะ พลังเพิ่มขึ้นสามเท่า.... ช่องว่างพลังนี้ย่อมไม่อาจข้ามผ่านได้อย่างแน่นอน

ทงซินจะอาศัยสิ่งใดไปชนะมัน?!

“ทงซิน.... ระวังตัวด้วย” เย่หวูเฉินมองแผ่นหลังบอบบางและงดงามของนาง กล่าววาจาอย่างนุ่มนวล สัมพันธ์วิญญาณนำเสียงและความรู้สึกส่งไปถึงหัวใจของทงซิน แววตาของทงซินอ่อนโยนลง หัวใจที่คล้ายปั่นป่วนพลันสงบราบเรียบ

เจวี๋ยเทียนเริ่มลงมือเป็นฝ่ายแรก หอกยาวในมือเหวี่ยงออก สายฟ้าสี่สายพุ่งใส่ร่างของทงซิน ทงซินเบี่ยงร่างหลบเล็กน้อย สายฟ้าสี่สายแหวกอากาศผ่านร่างไป ขณะที่นางหลบสายฟ้า เจวี๋ยเทียนก็เข้าประชิดถึงเบื้องหน้า หอกยาวเหวี่ยงวาดอย่างอิสระ.... ในขณะเดียวกัน สายฟ้าสี่สายไม่ได้ลดทอนพลังลง สายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดถูกเย่หวูเฉินอย่างแม่นยำ ร่างของเย่หวูเฉินไหวเอนเล็กน้อย จากนั้นลอยนิ่งไม่เคลื่อนไหวมองดูทงซินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เคร้ง!

คมกริชเล็กๆรับหอกยาวที่แตกปะทุด้วยสายฟ้าม่วง หลังจากชั่วขณะสั้นๆที่ศาสตราติดชะงัก ใบหน้าของทงซินก็พลันซีดลง กริชเทพพิโรธในมือก็ปลิวออกไป ไม่ทราบว่าร่วงลงตรงไหน หอกยาวฟาดเข้าใส่กลางร่างของทงซิน ความเจ็บปวดแผ่ลามขึ้นในอก นางไม่ฝืนต้านยันและหยิบยืมแรงฟาดส่งตัวเองให้ล่าถอย ในอกปั่นป่วนราวจะแตกออก สายตายังพร่ามัวเป็นเวลาสั้นๆ

ความแตกต่างมากพอจะตัดสินผลลัพธ์ ช่องว่างจากพลังที่เพิ่มขึ้นสามเท่า.... กลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่อาจข้ามผ่านได้อย่างสมบูรณ์! เผชิญหน้ากับเจวี๋ยเทียนในยามนี้ ล้วนไม่ต่างจากการเผชิญหน้ากับลู่เทียนในสภาพสมบูรณ์เมื่อสามปีก่อน ทงซินไร้พลังขัดขืนโดยสิ้นเชิง

“องค์หญิงเฮยเย่ ผู้น้อยต้องขอล่วงเกิน....” เสียงของเจวี๋ยเทียนกรรโชกมาตามสายลม ติดตามด้วยร่างที่พุ่งเข้ามาเร็วรุด แรงกดดันไร้ที่เปรียบท่วมทับร่างกายและจิตใจ เมื่อทงซินหยุดร่างลงเงาของเจวี๋ยเทียนก็เข้ามาถึงอีกครั้ง หอกยาวเหวี่ยงวาดลง เกิดวงสายฟ้าขึ้นสามสาย ทงซินเบี่ยงหลบได้  จากนั้นพลิกร่างในฉับพลัน ในอากาศว่างเปล่าปรากฎกริชเทพพิโรธที่เพิ่งกลับมา นางคว้าโอกาสที่มีจู่โจมใส่เจวี๋ยเทียน....

ตูม! ตูม! ตูม!

ผืนดินปรากฎเป็นสามรอยน่ากลัวจากพลังของสายฟ้าม่วง เหนือท้องฟ้า ทงซินไหวร่างไปมาไม่หยุดหย่อน โจมตีตัดใส่ร่างเจวี๋ยเทียน นางสูงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเจวี๋ยเทียน ขนาดร่างยิ่งไม่อาจเทียบมันได้ ทว่าพลังที่เกิดขึ้นจากการปะทะศาสตรา ล้วนก่อเกิดหายนะจากแรงอัด ผืนดินเบื้องล่างพังทลายตามการปะทะของทั้งสอง ฝุ่นผงฟุ้งกระจายท่วมทั่วทุกแห่งหน

ติ้ง!

กริชเทพพิโรธหลุดจากมือทงซินอีกครั้ง ร่างของทงซินยังปลิวไปไกลกว่าร้อยเมตร บนมือขวาที่ขาวดุจหิมะมีรอยแตกปรากฎขึ้น หยดโลหิตไหลซึมออกมาจากมือ

นางไม่ปล่อยให้ตัวเองได้หายใจ มือขวาขยับออก กริชเทพพิโรธบินกลับมาที่มืออีกครั้ง เตรียมต้านรับเจวี๋ยเทียนที่พุ่งเข้ามา เป้าหมายของเจวี๋ยเทียนมีเพียงหนึ่งเดียว.... แต่ไม่ใช่การทำร้ายทงซิน ทว่าคือการโจมตีจนนางไม่อาจรับมือได้ ค่อยๆลดพลังนางลงจนไม่อาจต่อต้าน

เมื่อทั้งสองออกห่างจากเย่หวูเฉินจนไกลมาก แววตาของทงซินก็ทอประกายทมิฬทันที ฉับพลันบรรยากาศโดยรอบก็มืดลง ในสายตานอกจากความมืดแล้ว ก็ไม่อาจมองเห็นสิ่งใด

มิติทมิฬสัมบูรณ์!

ความมืดที่ปรากฎขึ้นฉับพลันทำให้เจวี๋ยเทียนตะลึงโง่งมอยู่ชั่วขณะ ทว่าฉับพลัน มันตระหนักถึงบางสิ่งและเบี่ยงร่างหลบ หากประกายเย็นเยียบยังคงแทงถูกอกมันในพริบตา อย่างไรก็ตาม แม้กริชเทพพิโรธจะมีพลังไร้ต้าน แต่มันก็ปักได้อย่างยากเย็น

ในขณะที่มิติทมิฬปรากฎขึ้น เย่หวูเฉินที่ไม่เคยเคลื่อนไหวใดๆ ฉับพลันก็พุ่งร่างตรงเข้าหาด้วยความเร็วสูงสุด

เสียงเลือนลั่นดังขึ้นในหูของทงซิน ร่างของนางถูกเจวี๋ยเทียนฟาดสวนกลับอย่างหนักหน่วง นางพุ่งกระแทกพื้นดุจอุกกาบาตสีดำ มิติทมิฬค่อยๆสลายลงในยามนี้ แสงสว่างเข้าแทนที่ความมืดอย่างรวดเร็ว

เหนืออกซ้ายของเจวี๋ยเทียน มีรอยแผลถูกแทงเล็กๆแต่ลึกปรากฎอยู่ มันก้มหัวลงมองบาดแผลปราดหนึ่ง ทว่าทันใดนั้น หัวใจมันก็พลันตื่นตระหนก สติตื่นตัวขึ้นเต็มที่ มันหันร่างกลับทันที พร้อมหอกยาวที่ยกขึ้นขวางกันร่าง

ชั่วขณะที่มันหันร่างกลับ สิ่งที่เห็นในสายตาคือแสงสีทองที่เข้ามาใกล้

“แยกฟ้าผ่าปฐพี!!”

คมกระบี่สีทองเหวี่ยงวาดลง ประสานพ้องกับเสียงกู่ร้องของเย่หวูเฉิน ขณะที่คมกระบี่เรืองรองสัมผัสกับหอกสายฟ้าสีม่วง จุดปะทะก็เกิดแสงสีทองแผ่ทะลักท่วมฟ้า

อาศัยการบดบังภายใต้มิติทมิฬของทงซิน เย่หวูเฉินใช้พลังของเซียงเซียงลอบตัดมิติมาอยู่เบื้องหลังเจวี๋ยเทียนโดยที่มันไม่รู้ตัว จากนั้นฟันกระบี่ใส่แผ่นหลังว่างเปล่าของมัน ด้วยกระบวนท่าแรกของกระบี่ตัดดารา ที่ครั้งหนึ่งเคยผ่ากระบี่ตัดวายุ แยกฟ้าผ่าปฐพีที่เคยตัดร่างของฟงเฉาหยาง!

เทพย่อมไม่ตกตายโดยง่าย สิ่งที่ทำให้เย่หวูเฉินไม่อาจอดห้ามความตกใจก็คือ ภายใต้การอำพรางจากมิติทมิฬสัมบูรณ์และพลังตัดมิติของเซียงเซียง เจวี๋ยเทียนยังคงสามารถหันร่างกลับมาพร้อมยกอาวุธขึ้นป้องกัน

กระบี่ตัดดาราเมื่อปะทะกับหอกยาวก็นิ่งค้างอยู่ตรงนั้น ม่านตาของเย่หวูเฉินหดลีบลง เขาขบฟันแน่น เจวี๋ยเทียนขบฟันแน่นเช่นกัน มันเคลื่อนพลังทั้งหมดไปที่แขนทั้งสอง สายตาของทั้งคู่มองแสงปะทะของกระบี่ตัดดาราและหอกสายฟ้าสีม่วง ราวกับเวลาไหลช้าอย่างยิ่ง ในแววตาของเย่หวูเฉินคือความเด็ดเดี่ยวและโหดเหี้ยม และนั่นยิ่งทำให้เจวี๋ยเทียนตกตะลึง

เสียงกรีดร้องของสายฟ้าดังขึ้นจากจุดสัมผัส หลังจากสองวินาทีที่ติดชะงัก รูม่านตาของเจวี๋ยเทียนก็หดวูบอย่างรุนแรง กระบี่สีทองเปล่งแสงเรืองรองยิ่งขึ้น ตัดลงในเนื้อหอกยาวจนกลายเป็นสองท่อน หอกสายฟ้ากลายเป็นดุจลำไผ่ที่หักครึ่ง....

มนุษย์ที่มันไม่เคยแยแส บัดนี้กลับนำพาความกลัวตายมาสู่มัน กระบี่สีทองในมือคนผู้นี้ ส่งแรงกดดันมหาศาล จนมันต้องแตกตื่นตะลึงลาน

“ย๊ากกกกก.....ก!”

ใต้เสียงกู่ร้องและสายตาของเย่หวูเฉิน เจวี๋ยเทียนกำลังตกอยู่ใต้สถานการณ์สิ้นหวัง กระบี่ตัดดาราที่ฟันด้วยท่า ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ นำพาพลังไร้ต้านบีบคั้นเจวี๋ยเทียน นี่คือพลังต้องห้ามที่แผ่แรงกดดัน สั่นสะเทือนอากาศในรอบรัศมีร้อยเมตร เกิดเป็นมิติสูญญากาศ คมกระบี่สีทองเมื่อไร้สิ่งกีดกั้นก็แล่นสู่ทรวงอกด้วยความเร็วที่ยากจะมองทัน แสงสีทองของกระบี่เรืองรองไปทั่วบริเวณ มิติที่สงบนิ่งดุจผิวทะเลสาบ ฉับพลันก็ราวกับถูกหินยักษ์ทุ่มใส่ บังเกิดคลื่นระลอกของมิติที่บิดผันอย่างรุนแรง

แสงสีทองระเบิดออกตรงอกของเจวี๋ยเทียนอย่างเงียบเชียบ ใต้แสงสีทองที่ครอบคลุมนั้น กระบี่ตัดดาราได้แตะคมลงที่ร่างของเจวี๋ยเทียน ส่วนหนึ่งของคมกระบี่แตะลงที่ใบหน้า ส่วนที่เหลือแตะลงตรงทรวงอก

แสงสีทองที่ระเบิดออกของกระบี่ตัดดารา นำมาซึ่งพลังที่กระจายออกยังทุกทิศ เจวี๋ยเทียนที่ถูกฟันร่างร้องโหยหวนหูดับ ปลิวไปดุจลูกปืนใหญ่ที่ยิงออก โลหิตกระจายทิ้งเป็นแนวตรง ตามทางในอากาศที่มันปลิวไป

แยกฟ้าผ่าปฐพี อาจกล่าวได้ว่ามันสามารถผ่าได้แม้กระทั่งใจกลางของ....โลก!

กระบี่ตัดดารากลับสู่ระดับแสงปกติ เย่หวูเฉินลอยร่างอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ฟันยังขบแน่นพร้อมเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ สูบกลืนพลังของเขาจนแทบสิ้น ความรู้สึกอ่อนล้าถาโถมเข้าสู่ร่าง เขาจับกระบี่ตัดดาราไว้ในมือมั่น สายตาจับจ้องยังเจวี๋ยเทียนที่ร่วงลงสู่พื้น

ในอดีต กระบี่ตัดดาราแทบไม่ต้องใช้แรงกดก็สามารถตัดกระบี่ตัดวายุและผ่าร่างของฟงเฉาหยางผู้มีพลังเทวะ ต่อหน้าพลังต้องห้ามที่ฝ่าฝืนเจตจำนงค์สวรรค์ อีกฝ่ายย่อมย่อยยับลงในกระบวนท่าเดียว ทว่าในตอนนี้ กระบวนท่าแยกฟ้าผ่าปฐพีแบบเดียวกัน ได้ผ่าอาวุธของเจวี๋ยเทียนและตัดลงในร่างมัน แต่กลับไม่อาจผ่าร่างมันเป็นสองซีกได้ ร่างกายและอาวุธของมันกลับสามารถต้านทานพลังของ ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’

เพราะมันไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นเทพ

สายโลหิตโปรยพรมลงผืนดิน เป็นเลือดของเจวี๋ยเทียนทั้งหมด เจวี๋ยเทียนผู้ถูกโจมตีโดยท่า ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ ยามนี้ก้มร่างอยู่บนพื้นหลายอึดใจ จากนั้นจึงยืนขึ้นช้าๆ ทว่าขณะที่กำลังหยัดยืนขึ้น มันก็ล้มคว่ำลงพื้นอย่างรุนแรง ผืนดินใต้ร่างไหลนองไปด้วยโลหิตแดงฉาน

กระบี่ตัดดาราไม่ได้สังหารมันโดยตรง แต่ส่งพลังปะทะเข้าไปในร่างอย่างบ้าคลั่ง ในร่างของมันปั่นป่วนเป็นเวลานาน เกิดความเจ็บปวดทับซ้อนจนยากจะอดทนไหว

เมื่อมันลุกขึ้นจากพื้นอีกครั้งอย่างยากลำบาก ก็เห็นร่องแผลโลหิตที่ด้านหน้าของมัน ร่องแผลเริ่มจากหน้าผาก ตัดผ่านตำแหน่งระหว่างคิ้ว ลากลงซี่โครงตรงอกซ้าย ร่องแผลไม่ได้ลึกสม่ำเสมอ ทว่าส่วนใหญ่ลึกจนเห็นกระดูกได้ชัด ดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทว่าที่น่ากลัวยิ่งกว่า ก็คือดวงตาของเจวี๋ยเทียนที่แดงก่ำด้วยความเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยว

เป็นอีกครั้งที่มันเจ็บหนักด้วยน้ำมือของมนุษย์ มันไม่เพียงบาดเจ็บทางร่างกายเท่านั้น แต่อาวุธคู่ชีวิตของมันยังถูกตัด ด้วยกระบี่สีทองเมื่อครู่ที่ผ่านมา มันยังคิดกระทั่งว่าตัวเองคงถูกตัดเป็นแน่ หากไม่ใช่เพราะมันต้องใช้เคล็ดเทวะต้องห้าม ‘ร่างอัสนีเทวะ’ เพื่อพาองค์หญิงเฮยเย่กลับสู่ทวีปเทวะ มันคงไม่สงสัยเลยว่าตัวเองย่อมถูกผ่าร่างเหมือนกับหอกในมือ และถูกฝังไว้ในทวีปเทียนเฉินเช่นเดียวกับลู่เทียนเมื่อสามปีก่อน



<<<PREV    .    NEXT>>>