วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 131

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 131 ทักษะสมบูรณ์

ฉุ่ยหนานเหอมองเย่หวูเฉินอย่างสนอกสนใจ เมื่อเห็นพวกเขาสงบปากคำลง เขากล่าวพลางหัวเราะ “น้องชาย เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามชายชราผู้นี้”

เย่หวูเฉินหันไปมองแล้วถาม “ไม่ทราบว่าปีนี้ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว ผู้อาวุโส?”

“99 ปี” ฉุ่ยหนานเหอไม่ปกปิดสิ่งใด เขาตอบพลางลูบหนวดเครา เขาพึ่งอายุครบ 99 ขวบในปีนี้

“...ผู้ที่อายุครบร้อยนับว่าหาได้ยากนัก สามารถอายุยืนยาวถึง 99 ปีได้ วิธีดูแลสุขภาพของผู้อาวุโสช่างทำให้ข้านับถือ สมฉายาของเทพโอสถ แต่ว่าช่างแย่นัก...” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ “ผู้อาวุโส ท่านจะไม่สามารถอยู่ได้ถึงร้อยปี”

เมื่อได้ยินคำ ผู้คนต่างตกตะลึง อีกไม่ถึงหนึ่งปีเทพโอสถจะอายุครบร้อย แต่เย่หวูเฉินกลับบอกว่าเขาจะอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี ยังต้องกล่าวอะไรให้ชัดกว่านี้ ว่าเขาจะต้องตายภายในหนึ่งปี

หลินซานอยากโก่งคอหัวเราะสักสามหนเพื่อถากถาง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของหลงหยินเมื่อครู่ เขาจึงต้องกดระงับตัวเอง รอยยิ้มเย็นชาปรากฎขึ้นที่มุมปาก ราวกับคนกำลังรอดูเรื่องสนุก

ฉุ่ยหนานเหอไม่โกรธแต่กลับยิ้มถาม “เหตุใดเจ้าถึงกล่าวเช่นนั้น น้องชาย? ได้โปรดชี้แนะข้า”

“ข้ามิบังอาจให้คำชี้แนะ แต่หากผู้อาวุโสต้องการ โปรดตอบคำถามข้าตามความเป็นจริงได้หรือไม่?” เย่หวูเฉินหยุดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อ “ในช่วงสิบปีหลัง ท่านใช้เวลามากกว่าครึ่งในการนอนหลับใช่หรือไม่?”

ฉุ่ยหนานเหอตอบ “ถูกต้อง ชายชราอย่างข้าต้องพักผ่อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้า”

“ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโส ท่านมักรู้สึกเหน็ดเหนื่อย สองตามักพร่าเลือนใช่หรือไม่? ในเช้าวันนี้ ผู้อาวุโสรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก ท่านคิดว่าเพราะเดินทางไกลมาหลายวัน และยังพักผ่อนไม่พอ ข้ากล่าวถูกหรือไม่?” เย่หวูเฉินถาม

ฉุ่ยหนานเหอสะดุ้งเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป เขาพยักหน้าแล้วกล่าว “น้องชาย ที่เจ้าพูดล้วนถูกต้อง”

เย่หวูเฉินถามต่อ “ผู้อาวุโส ท่านรู้สึกคันบนร่างกายจนยากจะทน แต่บนผิวกลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ไม่ว่าท่านใช้วิธีแก้แบบใดก็ไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่?”

ฉุ่ยหนานเหอเริ่มหวั่นไหว แววตระหนกปรากฎในสายตา สองคำถามแรกอาจเป็นการเดาจากวัยชรา แต่คำถามที่สามทำให้เขาประหลาดใจว่าเย่หวูเฉินรู้ได้อย่างไร ปฏิกิริยาของฉุ่ยหนานเหอทำให้ผู้คนแน่ใจว่าเย่หวูเฉินกล่าวได้ถูกต้อง และพากันจ้องมองที่เขา

“น้องชาย เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ฉุ่ยหนานเหอถาม ไม่อาจปิดบังความแปลกใจบนใบหน้า

เย่หวูเฉินถอนหายใจบางแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ท่านอายุเกือบครบร้อยปี เส้นผมกลายเป็นสีขาวแต่ใบหน้ากลับอ่อนเยาว์ เห็นได้ชัดว่าท่านดูแลเอาใจใส่สุขภาพเป็นอย่างดี โดยปกติ เวทย์แสงของท่านสามารถใช้ถนอมกายและรักษาชีวิตไว้ได้เกินร้อยปี แต่ตอนนี้... เฮ้อ ภายในหนึ่งปี อวัยวะภายในของท่านจะเสื่อมสภาพและไม่สามารถรักษาได้”

ฉุ่ยหนานเหอเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “น้องชายโปรดชี้แนะ”

“วิธีที่ถูกต้องเพื่อรักษาสุขภาพคือเริ่มจากภายในออกมาสู่ภายนอก หรือทั้งสองทางในเวลาเดียวกัน และเน้นไปที่อวัยวะภายใน ผู้อาวุโส ท่านเริ่มจากภายนอกแล้วค่อยเข้าสู่ภายใน จนกระทั่งต่อมาท่านเลิกสนใจอวัยวะภายในของตนเอง ท่านใช้วิธีเฉพาะรักษาผิวพรรณจนไร้ที่ติ จากภายนอกท่านดูอ่อนกว่าวัยหลายสิบปี ท่านไม่รู้ตัวว่าสำหรับผู้สูงวัย การดูแลแค่ภายนอกไม่อาจมีสุขภาพที่ดีได้ ในทางกลับกัน ท่านทำลายชีวิตของตน อวัยวะในร่างท่านจะเสื่อมสภาพลงรวดเร็วในบั้นปลาย เนื่องจากผิวของท่านดูดซับยาไว้มาก กระจ่างบริสุทธิ์ดุจผิวทารก แต่ชายชราที่มีผิวแบบนี้จะขจัดพิษออกจากร่างได้ยาก ดังนั้นมันจึงสะสมอยู่ในกาย เร่งอายุของอวัยวะภายใน และยังอาจสร้างความเสียหาย ผู้อาวุโส สาเหตุที่ท่านมักรู้สึกคันจนยากจะทนเป็นเพราะสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกาย มันมีจำนวนมากจนทำให้ท่านเกิดความรู้สึกอยากขจัดมัน”

ฉุ่ยหนานเหอตั้งใจฟังเย่หวูเฉินอย่างเคร่งครัด ไม่ยอมพลาดแม้สักคำ หลังจากเย่หวูเฉินกล่าวจบ เขาครุ่นคิดชั่วครู่แล้วถอนหายใจยาว เย่หวูเฉินกล่าวได้ถูกที่สุด ความรู้เรื่องรักษาสุขภาพของโลกนี้ยังนับว่าอ่อนหัด กระทั่งเทพโอสถยังมีความรู้ไม่ต่างไปจากคนธรรมดา ตลอดหลายสิบปี เขาใข้ยาจำนวนมากเพื่อคงสภาพของร่างกาย แต่เขากลับไม่สนใจอวัยวะภายใน คำพูดของเย่หวูเฉินราวกับแหวกเมฆออก เผยดวงตะวันเบื้องหลัง แสดงเส้นทางใหม่ในโลกแห่งการรักษา

เขาถอนหายใจแล้วกล่าว “เจ้าเป็นคนที่เหนือล้ำไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง น้องชาย ข้าขอศิโรราบด้วยความนับถือ ข้าไม่คู่ควรกับฉายาเทพโอสถ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าทำลายตัวเองทีละน้อยด้วยโอสถเหล่านั้น หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้า ที่ชี้ทางสว่างและเปิดปัญญาให้ข้าเห็นความจริง ชีวิตของข้าคงจบสิ้นลงในปีนี้อย่างแน่นอน”

เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส ท่านยกย่องข้าเกินไปแล้ว ฝีมือแพทย์ของท่านนับว่าหาตัวจับยากอย่างแท้จริง ข้าย่อมไม่อาจเทียบกับท่านได้ เพียงเพราะว่า ท่านละเลยบางจุดที่ข้าบังเอิญรู้ก็เท่านั้น”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! น้องชาย เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ข้ายอมแพ้ น้องชาย เจ้าคือคนที่สอง ทั้งหมดทั้งมวล ความสามารถในการวินิจฉัยของเจ้าเหนือล้ำอย่างแท้จริง” เขาส่ายศีรษะ ถอนหายใจแสดงอารมณ์ร่วมกับคำกล่าวของตน

เย่หวูเฉินหัวเราะ เขาไม่กล่าวปฏิเสธอีก “ภายในย่อมสำคัญกว่าภายนอก ไม่มีนอกเหนือจากนี้ ภายนอกเข้มแข็งขณะที่ภายในอ่อนแอมีแต่จะเป็นภาระต่อภายใน แต่หากภายในเข้มแข็ง ภายนอกจะแข็งแรงขึ้นโดยตัวมันเอง ผู้อาวุโส ท่านคงรู้แล้วว่าสมควรทำอย่างไร ด้วยความสามารถของท่าน ย่อมเป็นเรื่องง่ายอย่างยิ่ง”

ฉุ่ยหนานเหอพยักหน้าแล้วกล่าว “ข้าพึ่งรู้ตัวว่าทำผิดพลาดใหญ่สุดในช่วงครึ่งชีวิต เมื่อข้ากลับไป ข้าจะทุ่มเทฟื้นฟูมันกลับคืนมา น้องชาย เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้แล้ว”

หลินซาน , หลินขวง , หลงหยิน และหมอหลวงในห้องต่างตะลึงงันเมื่อได้ฟังการสนทนาของทั้งสองคน พวกเขาได้เป็นพยานเห็นเทพโอสถผู้นำโลกการแพทย์ยอมแพ้ต่อเย่หวูเฉิน ต่อหน้าทุกคน เขาแสดงความนับถือและชื่นชมอย่างจริงใจ ชั่วขณะนั้น พวกเขาไม่อาจรวมจิตกลับมาสู่โลกแห่งความจริง

เย่หวูเฉินทำให้พวกเขาตะลึงอีกครั้ง สำหรับพวกที่คัดค้านเย่หวูเฉินทั้งแค่นเสียงเย้ยหยัน พวกเขากระทั่งไม่เชื่อสายตาและหูของตนเอง และไม่อาจดึงสติกลับคืน

หลงหยินปรบมือหัวเราะลั่นและกล่าว “ประเสริฐ! ประเสริฐ! สมกับเป็นศิษย์ของเทพกระบี่ หวูเฉินแห่งตระกูลเย่ วันนี้เจ้าสร้างความแปลกใจต่อข้าอีกครั้ง ข้าเชื่อหมดใจแล้วว่าเจ้าสามารถรักษาจักรพรรดินีได้ ที่ข้ากังวลในตอนนี้ไม่ใช่ความเจ็บป่วยของจักรพรรดินี แต่เป็นข้าควรตอบแทนเจ้าด้วยรางวัลใด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เย่หวูเฉินลอบแค่นเสียง สามารถเป็นผู้นำเหนือคน บางคนเป็นผู้ซับซ้อนอย่างแท้จริง สามารถแสดงออกได้โดยง่าย ทั้งที่ในใจทั้งโหดเหี้ยมไร้ปราณี ยิ่งกว่านั้น แต่ละคนยังเป็นสุดยอดนักแสดงตบตา แต่หากเปรียบเทียบฝีมือการแสดงแล้ว เขายังไม่ใช่คู่มือของเย่หวูเฉิน

ขณะที่หลงหยินกำลังหัวเราะไม่ยั้ง ในที่สุดหลงเจิ้งหยางก็พานางกำนัลของจักรพรรดินีเข้ามา เขาไม่มีเวลาถามและรีบพานางไปที่เย่หวูเฉิน “นี่คือนางกำนัลส่วนตัวของเสด็จแม่ ชื่อว่าเสี่ยวหง ก่อนที่มารดาข้าจะล้มป่วย นางอยู่กับเสด็จแม่”

เย่หวูเฉินหยักหน้าแล้วกล่าว “ข้ามีบางอย่างจะถามเจ้า คำถามเหล่านี้เกี่ยวพันถึงชีวิตของจักรพรรดินี ดังนั้นเจ้าต้องตอบตามความเป็นจริง”

นางกำนัลที่ชื่อเสี่ยวหงดูกระวนกระวาย นางรีบรับคำทันที

เย่หวูเฉินเหลือบมองร่างของหลินซิวเล็กน้อยแล้วถาม “เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก่อนที่จักรพรรดินีจะล้มป่อย นางมักจะรู้สึกวิงเวียน รวมทั้งเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงทั่วร่างใช่หรือไม่?”

เสี่ยวหงพยักหน้าทันที “ใช่เจ้าค่ะ ไม่กี่วันมานี้ จักรพรรดินีมักบ่นว่ารู้สึกวิงเวียน ร่างของพระนางรู้สึกอ่อนแรง ทั้งเหนื่อยง่ายและนอนพักบ่อยครั้ง ตอนแรกข้าคิดว่านางจับไข้”

“ช่วงนี้นางหลับได้ยากและไม่เจริญอาหารใช่หรือไม่?”

“ใช่เจ้าค่ะ...”

“นางฉุนเฉียวและมีโทสะง่ายใช่หรือไม่?”

“ใช่ ใช่เจ้าค่ะ...”

“นางมักจะตัวเย็นไปทั่วทั้งร่างใช่หรือไม่?”

“ใช่เจ้าค่ะ...”

“ในระหว่างวัน นางมักยืนอาบใต้แสงตะวันและไม่ยอมไปไหนใช่หรือไม่?”

“ใช่เจ้าค่ะ ใช่!”

.................

ทุกๆครั้งที่เย่หวูเฉินถาม เสี่ยวหงจะตอบว่า “ใช่” ผู้คนตกตะลึงโดยทั่วกัน ความรู้สึกแปลกใจและยินดีแสดงออกทางสีหน้าและคำพูด สามารถระบุอาการก่อนหน้าของโรคประหลาดนี้ได้อย่างถูกต้อง แปลว่าบางทีเขาอาจรู้วิธีการรักษา

“น้องเย่ มารดาข้าป่วยเป็นโรคอะไร?” หลงเจิ้งหยางถามอย่างใจร้อน แม้แต่หลินซานและหลินขวงยังมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

“จักรพรรดินี นางถูกพิษ” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างจริงจัง ฉุ่ยหนานเหอพยักหน้าด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งเดียวกันกับที่เขารู้


“เป็นพิษแบบใด? มีหนทางรักษาหรือไม่?” หลงเจิ้งหยางรีบถาม เขาได้ยินมาครั้งหนึ่งจากฉุ่ยหนานเหอแล้วว่าจักรพรรดินีถูกพิษ

“พิษเย็น!” เย่หวูเฉินตอบ คิ้วของเขาขมวดมุ่น สีหน้าเคร่งเครียด ผู้คนต่างรู้สึกได้ว่านี้เป็นสถานการณ์วิกฤต ราวกับว่า ‘พิษเย็น’ ที่เขาเอ่ยถึง คือพิษที่อันตรายร้ายแรงอย่างมาก

“พิษเย็น?” สีหน้าของหลงเจิ้งหยางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากสิ่งนี้ต่างจากที่ฉุ่ยหนานเหอเคยกล่าวไว้อย่างสิ้นเชิง

ฉุ่ยหนานเหอสะดุ้ง เขาอยากกล่าวบางสิ่งแต่รั้งลังเล สุดท้ายเขาเลือกที่จะเงียบ หากนี่คือพิษเย็นจริงๆ เขาจะวินิจฉัยไม่ออกได้อย่างไร? และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับไอปราณมรณะ ซึ่งมันมีลักษณะต่างจากพิษเย็นอย่างสิ้นเชิง... เป็นไปได้หรือที่เขาจะผิด? หรือในโลกนี้ยังมีพิษเย็นชนิดพิเศษที่เขายังไม่รู้จัก?

จากคำพูดของเย่หวูเฉินที่สร้างความประหลาดใจแก่ผู้คน กระทั่งเขายังเริ่มสงสัยการวินิจฉัยของตนเอง

“ถูกต้อง ในไม่กี่วันมานี้ ที่จักรพรรดินีหลับได้ยาก หนาวเย็นทั่วร่างกาย ทั้งยังชอบอาบใต้แสงตะวัน ทั้งหมดนี้เป็นผลจากพิษเย็น คราแรกที่ข้าพบว่ามันคือพิษนี้ ข้ายังไม่เชื่อตัวเอง ดังนั้นข้าจึงถามนางกำนัล ตอนนี้ยืนยันแล้วว่าข้าคิดถูก มันคือพิษเย็นพรากวิญญาณ หนึ่งในสามพิษประหลาดของโลกที่ท่านอาจารย์เคยบอกข้า” เย่หวูเฉินสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งฉายแววตระหนกอย่างไม่อาจปิดบัง สีหน้าท่าทางของเขาแนบเนียนจนผู้คนไร้ความสงสัย ฝีมือการแสดงระดับนี้ควรคู่เรียกว่าปรมาจารย์

“พิษเย็นพรากวิญญาณ? สามพิษประหลาดของโลก?” ฉุ่ยหนานเหอแอบกล่าวย้ำซ้ำๆ คิ้วขาวของเขาขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินพิษชนิดนี้มาก่อน ยิ่งกว่านั้น เขายังไม่เคยได้ยินเรื่องสามพิษประหลาดของโลกด้วยเช่นกัน

“แล้วเราจะขับพิษออกไปได้อย่างไร?” หลงหยินถาม

เย่หวูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “พี่หลง ในวังมีเข็มเงินบ้างหรือไม่?”

หมอหลวงหลี่ที่เงียบมาตลอดก้าวออกมาแล้วกล่าว “นายน้อยเย่ ข้ามี”

เขาเปิดกล่องยา แล้วหยิบกล่องเข็มเงินออกมา จากนั้นยื่นให้เย่หวูเฉินด้วยความระมัดระวัง เวลานี้สายตาที่เขามองเย่หวูเฉินนั้นราวกำลังมองเทพพรสวรรค์ในโลกการแพทย์



<<<PREV    .    NEXT>>>