วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 159

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 159 จัดส่งอุปกรณ์ประกอบการแข่ง

เย่หวูเฉินหันไปมองเขาแล้วกล่าว “อาวุโสท่านนี้ หากข้าไม่รู้สักสิ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แสดงว่าข้าไม่มีสิทธิ์กล่าวเรื่องการรักษาสินะ? แต่หากข้ารู้เรื่องพวกนี้โดยที่ไม่เคยรักษาใครแม้เพียงสักคน ข้าก็ยังคือผู้เชี่ยวชาญทักษะแพทย์ใช่หรือไม่?”

ชายชราไม่ได้หันมากล่าวต่อ ไม่ว่าเย่หวูเฉินจะพูดเช่นใดเขาก็ยังต้องให้เกียรติฉุ่ยหนานเหอ แต่สีหน้าไม่พอใจปรากฎชัดเจนบนใบหน้า เขาแคลงใจเรื่องที่ฉุ่ยหนานเหอยกย่องชายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้เขาไม่อาจยอมรับ

เย่หวูเฉินยิ้มเรียบๆ มองหน้าประธานฉินแล้วกล่าว “ประธานฉิน ดูจากสีหน้าของท่าน แสดงว่าตลอดคืนที่ผ่านมาท่านนอนไม่หลับ เดาว่าท่านคงตื่นเต้นอย่างมากกับงานประชันการรักษาในวันนี้”

“ฮี่ฮี่ ถูกต้องแล้ว...หืม? พ่อหนุ่ม เจ้ารู้ได้ยังไง?” ประธานฉินใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

“อีกทั้งในฤดูฝน พื้นที่สามนิ้วใต้ท้องของท่านจะรู้สึกปวดใช่หรือไม่? และยังรู้สึกไม่เจริญอาหาร รวมไปถึงรู้สึกคลื่นไส้อ่อนๆด้วยใช่หรือไม่?”

ประธานฉินตกตะลึงเมื่อได้ยิน เขางุนงงเนิ่นนานก่อนจะถาม “ถูกต้อง เจ้าพูดถูก... เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

เย่หวูเฉินไม่ตอบ เขาหันกายอีกครั้ง มองไปที่ชายชราที่กล่าวสบประมาทเมื่อครู่ เขาถาม “ผู้ชราท่านนี้ ใต้คิ้วของท่านครึ่งนิ้วเป็นสีเขียวคล้ำ ดูเหมือนว่าในระหว่างสามปี อวัยวะภายในของท่านเช่นตับและลำไส้จะไม่ปรกติ เป็นเพราะวิธีที่ท่านใช้รักษาตัวเองไม่เหมาะสม อาการจึงแย่ลงในระหว่างสามปีที่ผ่านมา หากท่านไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ท่านจะไม่สามารถเยียวยาได้หลังจากนี้สองปี”

ชายชราแข็งทื่อทั่วร่าง ดวงตาเบิกกว้างจ้องที่เย่หวูเฉินเหมือนเป็นสัตว์ประหลาด

“ผู้ชราท่านนี้... ท่านรู้สึกว่ามือเท้าเย็นเยียบเป็นน้ำแข็งบ่อยครั้งใช่หรือไม่? และในยามกลางคืนเหงื่อของท่านจะหลั่งมากกว่าปกติ...”

“ท่านนี้ ในระหว่างห้าปียามกลางวัน หัวใจท่านจะเต้นเร็วกว่าปรกติ บ่อยครั้งที่ท่านไม่อาจควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้ลดลงได้ใช่หรือไม่? แม้ว่านี่ไม่ใช่การเจ็บป่วยที่ร้ายแรง แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันจะทำให้อายุขัยของท่านสั้นลง”

“ท่านนี้...”

“ท่านนี้...”

เย่หวูเฉินมองสำรวจรวจพวกเขาทีละคนๆ เพียงคำพูดไม่กี่คำก็ทำให้ชายชราทั้งหมดบนเวทีตะลึงค้าง ชายชราแทบทั้งหมดมีโรคภัยทั้งเล็กน้อยและร้ายแรง และเย่หวูเฉินสามารถวินิจฉัยอาการได้ถูกต้อง รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงวิธีรักษาที่ผิด ได้เป็นถึงกรรมการของงานแข่ง พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ กระนั้นยามนี้พวกเขาถึงกับพูดไม่ออกด้วยความตกใจ

“นี่.... นี่มัน....” ประธานฉินลิ้นพันกัน เขาพึ่งเรียบเรียงความคิดได้หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถามด้วยความสับสน “พ่อหนุ่ม เจ้ารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”

เย่หวูเฉินกล่าว “ในทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคสามารถทำได้โดยการสังเกต , ฟัง , ถาม และเปรียบเทียบ ข้าเพียงแค่สังเกตดู สภาพร่างกายอันแท้จริงจะปรากฎบนใบหน้าและลิ้น เหล่าแพทย์ที่มีทักษะแท้จริงจะไม่จำเป็นต้องฟัง , ถาม ,และเปรียบเทียบ เพราะไม่ว่าจะเป็นโรคภัยที่ปรากฎชัดหรือซ่อนเร้น ย่อมสามารถดูออกได้ชัดเพียงแค่ใช้การมอง”

ไม่ว่าผู้ที่อยู่บนเวทีหรือด้านล่าง ทุกคนล้วนตะลึงสุดขั้ว ด้วยความรู้ของพวกตน การสังเกตด้วยตาเพียงสามารถตรวจโรคที่ปรากฎบนผิวภายนอกเท่านั้น ทั้งยังมีประโยชน์น้อยมาก สำหรับคนที่อาศัยเพียงการมองปราดเดียวแล้วสามารถระบุโรคภัยซ่อนเร้นที่กระทั่งแพทย์ผู้ชำนาญยังละเลย พวกเขาจะไม่ตกตะลึงแปลกใจได้อย่างไร

ฉุ่ยหนานเหอหัวเราะแล้วกล่าว “ตอนนี้พวกท่านยอมรับแล้วรึยังว่าข้าพูดความจริง เด็กคนนี้มีทักษะแพทย์ที่เหนือล้ำกว่าชายชราอย่างข้า” อย่างน้อยเขารู้ว่าตนไม่สามารถระบุโรคภัยซ่อนเร้นได้โดยใช้แค่เพียงการมอง

“โอ้ ไม่แปลกใจเลยที่เขาทำให้ท่านปู่เทพโอสถยอมแพ้อย่างจริงใจ ความสามารถในการวินิจฉัยของเขาเหนือล้ำอย่างแท้จริง แล้วความสามารถในการรักษาของเขาสุดยอดด้วยหรือไม่?” หญิงงามหัวเราะ

เย่หวูเฉินไม่สนใจนางแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ผู้ชราทุกท่าน หลังจากข้าเขียนใบสั่งยาให้พวกท่านแต่ละคน พวกท่านต้องใช้วัตถุดิบพวกนั้นอย่างระมัดระวัง และเพียงไม่นานพวกท่านจะหายเป็นปกติ”

พวกชายชราแสดงความขอบคุณทีละคน คนที่อยู่ตรงกลางที่สบประมาทเมื่อครู่ถอนหายใจเฮือกยาวแล้วกล่าว “ข้าละอายใจยิ่งนัก”

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างถกเถียงกันอย่างหนัก มองที่เย่หวูเฉินผู้มีสีหน้าไม่แยแส ผู้คนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกแปลกใจและเร่าร้อน คนจำนวนมากสอบถามถึงที่มาของเขา กระทั่งเมิ่งจื่อที่สงสัยเขามาตลอดยังประหลาดใจและมองเขาด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป ยิ่งใช้เวลากับเขามากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งตระหนักได้ว่ายังรู้จักชายผู้นี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางเริ่มสงสัยว่าในโลกนี้จะมีใครที่รู้เรื่องทุกอย่างของชายคนนี้ มีความลับอีกมากเท่าไหร่ที่เขาปกปิดเอาไว้?

“พวกเจ้าสองคนอยากแข่งกันด้วยวิธีใด?” ประธานฉินกลายเป็นเคารพต่อเย่หวูเฉินอย่างเห็นได้ชัด หลังจากตื่นเต้นเสร็จ เขาจำต้องดึงพวกเขากลับเข้าสู่การแข่ง จากสถานการณ์ในตอนนี้ หากพวกเขาแข่งไม่จบในเวลา งานประชันการรักษาก็ไม่อาจเริ่มขึ้นได้

“มารเสน่... พี่หญิง ท่านอยากแข่งด้วยวิธีใด?” เย่หวูเฉินดูคล้ายลืมตัวและเกือบเรียกออกไปว่า “มารเสน่ห์”

หญิงงามกำลังจะตอบ แต่แล้วทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจัตุรัสก็เกิดโกลาหล มีบางคนตะโกนดังออกมา “หลีกทาง... หลีกทางออกไปเร็ว... ประธานฉิน ท่านหมอ โปรดช่วยนายท่านกับนายหญิงของข้าด้วย เร็วเข้า... ท่านหมอ โปรดช่วยนายท่านและนายหญิงของข้าด้วย”

มีผู้คุ้มกันหลายคนจากเมืองสวมเกราะอ่อนถือกระบี่แหวกฝูงชน มีคนสองคนถูกหามเข้ามาอย่างเร่งรีบ เสียงถกเถียงกันในหมู่ผู้คนยิ่งมายิ่งดังขึ้น

“นี่ท่านเจ้าเมืองกับฮูหยินไม่ใช่เหรอ?”

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเขาถึง...”

“หรือว่ามีบางคนลอบทำร้ายพวกเขา? ไม่สิ ดูจากที่สีหน้าพวกเขากลายเป็นสีเขียว หรือว่าพวกเขาจะถูกยาพิษ?”

..............

ผู้คนช่วยกันหลีกทางให้คนเหล่านั้น คนทั้งสองถูกหามขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว งานชุมนุมแพทย์เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสุดหากมองหาการรักษา เพราะมีหมอชื่อดังมากมาย เครื่องมือรักษาทุกชนิด หมอทุกประเภท และยาทุกอย่าง ทุกๆสิ่งที่จำเป็น เป็นทางเลือกดีสุดที่หามพวกเขามาที่นี่ ต่อให้พวกเขาพาหมอชื่อดังไปรักษา พวกเขาก็ไม่อาจหาเจอเพราะหมอแทบทั้งหมดในเมืองเทียนหยุนต่างพากันมาร่วมงาน

“เจ้าเมือง ฮูหยิน... เกิดอะไรขึ้น?” เห็นคนทั้งสองทอดร่างนอนอยู่ ประธานฉินตกใจอย่างหนัก เขารีบเข้ามาตรวจสอบพวกเขา

“ประธานฉิน ท่านคือแพทย์ผู้เก่งกาจ โปรดช่วยเหลือนายท่านและนายหญิงของพวกเราด้วย พวกเขาถูกยาพิษ” ชายที่แต่งกายคล้ายคนรับใช้ร่างกายชุ่มด้วยเหงื่อ เขาพูดด้วยริมฝีปากสั่นเครือ

“อะไรนะ? ถูกยาพิษ?”  ประธานฉินย่อกายลง มองสีหน้าของพวกเขาที่กลายเป็นสีเขียวแล้วเชื่อทันที

“ใช่... พวกเราจับหนึ่งในพวกมันที่วางยาได้แล้ว พวกเราขอร้องให้ท่านหมอโปรดช่วยชีวิตนายท่านกับนายหญิงของพวกเรา เมืองเทียนหยุนไม่อาจสูญเสียนายท่านกับนายหญิงได้”

ทหารของเมืองเข้าล้อมรอบบริเวณ แต่คนล้วนมีสีหน้ากังวล ผู้คนตกอยู่ในสภาพปั่นป่วน สำหรับชาวเมืองเทียนหยุน เรื่องนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่

“อย่ากังวลเลย วันนี้ เทพโอสถเองก็อยู่ที่นี่ เมื่อมีเขาอยู่ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” ประธานฉินตอบขณะปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก ดูจากสีหน้าของคนทั้งสอง เขารู้ได้ทันทีว่าพิษได้แพร่ไปทั่วร่างของพวกเขาแล้ว ต่อให้ขับพิษทั้งหมดออกไป ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาชีวิตของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงได้แต่ฝากความหวังไว้กับเทพโอสถ หากกระทั่งเทพโอสถยังไม่สามารถรักษาพวกเขา เช่นนั้นก็ไม่อาจมีใครโทษเขาได้

ฉุ่ยหนานเหอก้าวออกมา “ขอข้าดูหน่อย”

“เทพโอสถ? ท่านคือเทพโอสถเหรอ?” ใบหน้าของชายผู้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าเขาเคยได้ยินชื่อเทพโอสถ “ได้โปรดรักษานายท่านกับนายหญิงของข้าด้วย พวกเราจะซาบซึ้งพระคุณของท่านไปจนชั่วชีวิต จดจำความเมตตาของท่าน...”

ฉุ่ยหนานเหอไม่ใสใจเขาขณะที่ใช้มือจับชีพจรของสองบุคคล คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

หญิงงามเคลื่อนสายตาราวกับจิ้งจอก นางเคลื่อนมาอยู่ข้างๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาราวกับขนนกที่ข้างหูของเย่หวูเฉิน “น้องชายน้อย ใครที่ช่วยชีวิตหนึ่งในสองคนนี้ได้ก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะ เจ้ากล้าแข่งหรือไม่?”

เมื่อนางหยุดอยู่ด้านข้างเขา หน้าอกขนาดใหญ่เบียดเขาจนดันชุดหิมะขาวนูนขึ้นมา เย่หวูเฉินลมหายใจคล้ายปั่นป่วนแต่ยังกล่าวอย่างสงบ “เหมือนที่ข้าคิดไว้เช่นกัน ท่านรักษาผู้หญิง ส่วนข้าจะรักษาผู้ชาย”

เจ้าเมืองเทียนหยุนและภรรยากลายเป็นอุปกรณ์ประกอบการแข่งระหว่างเย่หวูเฉินและหญิงงาม

ฉุ่ยหนานเหอปล่อยมือทั้งสองข้าง จากนั้นถอนหายใจ เขาส่ายศีรษะแล้วกล่าว “พิษชนิดนี้เรียกว่าผงปีศาจราตรี เมื่อถูกพิษนี้เข้า มันจะแพร่ไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ทำให้ไร้เรี่ยวแรงหมดกำลัง จากนั้นจะหมดสติและสิ้นใจขณะหลับอยู่ มันจะทำลายอวัยวะภายในคล้ายพวกแมลงพิษ พิษนี้... หากพวกเขาถูกพามาที่นี่ในเวลา 45 นาที พวกเราจะยังมีโอกาสรักษาพวกเขา แต่อวัยวะภายในของพวกเขาได้รับผลกระทบไปแล้ว ต่อให้พวกเราขับพิษออกไปจนหมดพวกเขาก็ไม่อาจรอดชีวิตได้ ตอนนี้ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ไม่อาจช่วย พวกเขากำลังก้าวผ่านประตูความตาย อย่างมากที่สุดพวกเขาจะหยุดลมหายใจลงในอีก 15 นาที"

ฉุ่ยหนานเหอรู้วิธีขจัดพิษ แต่อวัยวะภายในของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก พวกเขาหมดโอกาสที่จะรอด ไม่ต่างจากผู้ที่ตายไปแล้ว ต่อให้พระเจ้าก็ไม่อาจช่วยชีวิตพวกเขาได้

“นี่...” คนรับใช้แทบจะร้องไห้ออกมา ด้วยเสียงดัง ‘ตึก’ เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าฉุ่ยหนานเหอ จับเสื้อของเขาแล้วอ้อนวอน “ข้าขอร้อง ขอร้องท่านโปรดเมตตาช่วยชีวิตของนายท่านและนายหญิง นายท่านและนายหญิงทั้งชีวิตไม่มีบุตรธิดา พวกเขาทำงานอย่างหนักมีความดีมากมาย พวกเขาจะตายไม่ได้... ท่านต้องช่วยพวกเขา ท่านคือเทพโอสถ!”

ประธานฉินถอนหายใจแล้วกล่าว “ใช่ว่าเทพโอสถไม่ต้องการช่วยเหลือพวกเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาหมดหนทางเยียวยา เจ้าควรที่จะ...”

“ผู้อาวุโส โปรดขยับไปด้านข้างแล้วให้ข้าดูหน่อยสิ”

น้ำเสียงทรงเสน่ห์ขัดจังหวะประธานฉิน หญิงงามเคลื่อนเข้าใกล้ร่างสตรีมีอายุที่หมดสติอยู่ นางยิ้มอ่อนโยนแล้วกล่าว “ข้าได้ทำข้อตกลงกับน้องชายน้อยไว้ว่า หากใครสามารถช่วยชีวิตหนึ่งในพวกเขาได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ ทุกคนในที่นี้โปรดเป็นพยานให้ด้วย”

ประธานฉินร่างกายกลายเป็นไร้แรง สายตาไหววูบ เมื่อเขาได้สติกลับมาก็พบว่าตนเองอยู่ห่างจากเดิมสามก้าว ส่วนหญิงงามย่อกายอยู่ตรงจุดที่เขาเพิ่งอยู่เมื่อครู่ มือขาวราวกับหยกกดบนทรวงอกของฮูหยิน เขากระพริบตาส่ายศีรษะลอบถอนหายใจ ด้วยเมื่อครู่ที่ผ่านมาคล้ายจิตใจเขาฟั่นเฟือน

“สาวน้อยผู้นี้...” เมื่อคนรับใช้กำลังจะเอ่ยปาก ฉุ่ยหนานเหอก็โบกมือหยุดเอาไว้ เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่าพึ่งพูด นางอาจรักษานายท่านกับนายหญิงของเจ้าได้”

ถึงแม้เขาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็รีบปิดปากและไม่กล้าถามอีก ด้วยกลัวว่าหญิงงามจะเสียสมาธิ

มือของนางเคลื่อนบนอากาศว่างเหนือทรวงอกของสตรีชรา ขณะที่เคลื่อนฝ่ามือไปมานางก็แหงนศีรษะขึ้นมองหน้าเย่หวูเฉินผู้ไร้ความกังวล นางยิ้มแล้วกล่าว “น้องชายน้อย ทำไมเจ้าถึงยังไม่เริ่ม? ไม่อย่างนั้น ข้าจะชนะการแข่งนี้นะ”

เย่หวูเฉินกำลังจะตอบ แต่ฉุ่ยหนานเหอประหลาดใจแล้วกล่าว “หรือจะเป็นไปได้ว่า เจ้าสามารถรักษานางได้จริงๆ?”

ใบหน้าของประธานฉินตกตะลึงอย่างหนัก หากคนทั้งสองยังไม่สิ้นใจก็ใกล้ตกตายเต็มแก่ กระทั่งอวัยวะภายในยังถูกทำลายร้ายแรง พวกเขาจะรอดชีวิตได้อย่างไร? กระทั่งเทพโอสถยังกล่าวว่าไม่อาจช่วยซึ่งเขาไม่แปลกใจ ต่อให้เทพโอสถมีทักษะระดับชั้นฟ้า เขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา หาใช่เทพเซียนที่สามารถพลิกฟื้นผู้ตกตาย แต่หญิงสาวนางนี้ผู้มีวัยเกินยี่สิบปีไม่มากนักกลับ...

เย่หวูเฉินไม่ตอบ เขาเลิกคิ้วขึ้นส่งความหมายว่า ‘ให้ข้าดูสิว่าเจ้าจะรักษานางยังไง’



<<<PREV    .    NEXT>>>