วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 172

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 172 หยกจิตกำหนัด (1)

เมิ่งจื่อใช้ความเร็วสูงสุดสวมชุดของนางแล้วซัดผ้าออกไป ผ้าไหมยาวพุ่งใส่ต้นไม้ใหญ่ที่เกิดเสียง จากนั้นดึงมันกลับโดยไร้รอยใด ผ้าบางที่นางใช้เป็นอาวุธเป็นไหมธรรมชาติที่ยืดหยุ่นและแข็งแรงที่สุด กระทั่งโลหะชั้นยอดยังไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้กับมัน

เมื่อสัมผัสถึงกระแสลมรุนแรง เสวี่ยเฟยเยี่ยนเบี่ยงร่างหลบ กิ่งไม้ที่นางยืนอยู่ถูกตัดครึ่งใบไม้ร่วงกราว เสวี่ยเฟยเยี่ยนลอยลงมาบนพื้นหันหน้ามองเมิ่งจื่ออย่างเสียไม่ได้ เมิ่งจื่อทะยานลงบนฝั่งในขณะเดียวกัน “ตายจริง! น้องหญิง ข้าอุตส่าห์หวังดีมาช่วยระวังให้เจ้า เจ้ากลับโจมตีใส่ข้า ตอนที่ข้าไม่ทันตั้งตัว ข้าเสียใจจริงๆ เจ้าเกลียดข้ามากเพียงนั้นเลยหรือ?”

เมื่อเมิ่งจื่อเห็นว่าเป็นเสวี่ยเฟยเยี่ยน นางจึงผ่อนคลายความกังวล เสียงที่นางได้ยินเมื่อครู่นี้เป็นเสียงของสตรี แต่ทันใดนั้นนางเบือนหน้าออก สีหน้านางแปลกแปร่งอย่างยิ่ง นางเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ ร่างของนางคลุมด้วยเพียงชุดนอก ด้านในยังคงเปลือยเปล่า เมื่อชุดนอกถูกน้ำมันจึงแนบเข้ากับร่างงดงามของนาง เผยเรือนร่างสมบูรณ์ในทุกมุมมอง ตรงหน้าอกนาง เนินเนื้อสองก้อนนูนยื่นออกมา

เสวี่ยเฟยเยี่ยนมองลงด้านล่าง นางถึงพบว่าหน้าอกของนางนั้นเปิดออกกว้าง หน้าอกขนาดใหญ่สั่นกระเพื่อมขึ้นลงเมื่อนางแตะเท้าลงบนพื้น น่าหลงใหลจนท่อโลหิตของชายขยายตัวเมื่อได้เห็นมัน มีรอยจ้ำแดงเขียวเป็นรูปนิ้วอยู่บนอก เสวี่ยเฟยเยี่ยนไม่รีบร้อน นางค่อยๆปิดเสื้อที่ถูกฉีกของตน มือป้องปากหัวเราะและกล่าว “น้องหญิง ร่างกายของเจ้างดงามไร้ที่เปรียบ ข้าหลงใหลกับมันมาก แล้วเจ้าคิดว่าร่างกายของข้าเป็นอย่างไร? ของข้าดูดีกว่าเจ้าอยู่นิดนึงถูกไหม?”

เมิ่งจือโมโห แต่เมื่อคิดว่าเสื้อของเสวี่ยเฟยเยี่ยนถูกฉีกออกและมีรอยนิ้ว ความสงสัยของนางยิ่งเพิ่มทวี นางถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่าน.... เมื่อครู่ท่านทำอะไรอยู่กันแน่?”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ สีหน้าท่าทางเจ้าชู้ “ข้าพบว่าร่างกายของน้องหญิงงดงามมาก ข้าไม่อาจทนความเหงาเปล่าเปลี่ยว เลยลอบมองร่างกายของเจ้าขณะช่วยตัวเอง เพราะว่าข้ารัญจวนใจเกินไปนิด เลยเผลอทำให้เจ้าพบตัว... ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ เจ้าคงไม่โกรธข้าเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”

“ท่าน....” เมิ่งจื่อไม่อาจทนรับได้กับถ้อยคำที่ได้ยิน ใบหน้านางแดงผ่าว หน้าอกถ้วยหยกกระเพื่อมขึ้นลง นางระงับความโกรธไว้ในใจแล้วแค่นเสียง “คนของวังสตรีหิมะมีแต่พวกน่ารังเกียจ ผู้หญิงไร้ยางอาย!”

“โอ้?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนยังคงยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง นางกล่าวด้วยความสนใจ “น้องหญิง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่หญิงคือคนของวังสตรีหิมะ?”

เมิ่งจื่อแค่นเสียงบาง นางกล่าวอย่างเย็นชา “ใช้คำว่า ‘เสวี่ย’ เป็นแซ่ของตน นอกจากคนของวังสตรีหิมะแล้วยังจะมีผู้ใด ทักษะการแพทย์และแซ่ของท่านได้เผยสถานะของตัวเอง ท่านจะต้องเป็นผู้สืบทอดของเทพหิมะ กลายเป็นเสวี่ยหนี่คนถัดไป”

สีหน้ามีความสุขของเสวี่ยเฟยเยี่ยนยิ่งแน่นหนาขึ้น มือของนางรวบเสื้อของตน อีกข้างหนึ่งพาดใต้หน้าอก ประคองอกยักษ์เดินตรงไปหาเมิ่งจื่อช้าๆ “น้องหญิง เจ้ารู้จักเพียงทักษะการแพทย์แห่งวังสตรีหิมะของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าทักษะที่น่ากลัวที่สุดของวังสตรีหิมะคือสิ่งใด?”

“น้ำแข็ง” เมิ่งจื่อมุ่นคิ้วโค้งเสี้ยวพระจันทร์ ตอบกลับอย่างแห้งแล้ง

“ผิดแล้ว อันที่จริงคือพิษ... ฮิ ฮิ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เจ้าจะจำมันได้จนขึ้นใจ เจ้าเชื่อหรือไม่? น้องหญิงแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ”

ม่านตางามของเมิ่งจื่อหดลีบลงอย่างรุนแรง มองที่รอยยิ้มน่าหลงใหลของเสวี่ยเฟยเยี่ยน ใบหน้างดงามค่อยๆใกล้เข้ามา นางขยับถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว “สำ... สำนักจักรพรรดิเหนืออะไร? ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง!”

พอได้ยินเสวี่ยเฟยเยี่ยนก็ยิ่งยิ้ม นางกล่าวอย่างครุ่นคิด “แต่สีหน้าท่าทางของเจ้าบอกกับพี่หญิง ว่าเจ้าคือคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ น้องหญิง เจ้าวางใจเถิดข้าจะไม่บอกยอดรัก พี่หญิงก็เป็นเช่นเดียวกันกับเจ้า มาที่นี่เพราะเหตุผลพิเศษ แต่ถึงพี่หญิงไม่พูดเขาก็คงเดาได้แล้ว จิ้งจอกน้อยผู้นี้ไร้ซึ่งจุดอ่อน หลายวันมานี้กระทั่งพี่หญิงยังไม่อาจหาช่องเจอทาง เซียนน้อยอย่างเจ้าที่อ่อนด้อยประสบการณ์ จะเป็นคู่มือของเขาได้อย่างไร”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนแน่ใจแล้วว่าเมิ่งจื่อคือคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ เมื่อครู่นี้ที่นางโจมตี พลังที่แผ่ออกมาคือวิชาของสำนักจักรพรรดิเหนือ เมื่อวิชาเพลิงวิญญาณถูกฝึกโดยผู้ที่สืบสายโลหิตของจักรพรรดิเหนือ ผลลัพธ์การฝึกจะเป็นสองเท่าแม้ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับคนธรรมดา นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่สำนักจักรพรรดิเหนือมียอดฝีมือจำนวนมาก แต่พลังของเมิ่งจื่อที่เผยออกมาทำให้นางแคลงใจ นางกระทั่งสงสัยว่าเมิ่งจื่อมีสายเลือดของจักรพรรดิเหนือหรือไม่

สายลมเย็นพัดผ่านพวกนาง เมื่งจื่อที่ร่างเปียกชุ่มตัวสั่น นางกัดริมฝีปากเบาๆ สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย หัวใจนางแน่นรัดด้วยความกลัว นางไม่เผยความกลัวให้เห็นโดยง่าย แต่หัวใจที่สับสนทำให้นางไม่ทราบสมควรทำอย่างไร

“น้องหญิงเจ้าหนาวหรือ?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนขยับเข้าหานาง สายตาสำรวจไปทั่วเรือนร่าง ทันใดนั้นนางกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับ “ช่างเป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบ เจ้าคือสตรีหายากที่เหมาะสมกับเขาที่สุด ข้าจะปล่อยเจ้าให้หลุดมือไปง่ายๆได้อย่างไร...”

เมิ่งจื่อผวาเมื่อได้ยิน แต่เสียงของเสวี่ยเฟยเยี่ยนยังคงดังที่ข้างใบหูของนาง “น้องหญิง เจ้าอยากสัมผัสความสุขที่แท้จริงของลูกผู้หญิงหรือไม่? พี่หญิงสามารถช่วยเจ้าได้ ข้าไม่เพียงจะให้เจ้าได้สัมผัสความสุขของสตรี แต่ยังสามารถบังคับให้เจ้าทำสิ่งที่ปรารถนาลึกอยู่ในหัวใจ....”

นางเคลื่อนมือทั้งสองข้างของนางลง ไม่สนใจหน้าอกที่ทะลักออกมาแม้แต่นิด มีแสงสวยงามเปล่งออกมาจากแขนเสื้อของนาง ไร้รูปทรง ไร้สีสัน และไร้กลิ่น มันลอยตรงไปที่เมิ่งจื่อผู้กระวนกระวาย และค่อยๆเข้าห่อหุ้มร่างของนาง....

.................................

เมื่อกลับมาจากสระ ร่างของเย่หวูเฉินยังคงพุ่งพล่านราวภูเขาไฟคุกรุ่น ทงซินหลับไปแล้ว เขาไม่กล้าปลุกนางให้ช่วยกำจัดเพลิงราคะในร่างตน เขายืนเงียบงันท่ามกลางลมหนาวของยามค่ำคืน หรี่ตาลงครุ่นคิดถึงเสวี่ยเฟยเยี่ยน นางทำสิ่งต่างๆด้วยนิสัยประหลาด ท่าทางที่ไร้ประสบการณ์ของนาง รวมทั้งร่างกายที่แข็งค้างเมื่อถูกสัมผัส... ทั้งหมดย่อมไม่ใช่เรื่องแสร้งแสดง นางต้องไม่ใช่คนประเภทเจ้าชู้ แต่เหตุใดนางต้องทำตัวเช่นนั้น?

รักแรกพบ... เป็นไปไม่ได้ ด้วยการกระทำและความคิดของสตรีผู้นี้ นางย่อมไม่อ่อนหัดถึงเพียงนั้น แต่นางแสดงนิสัยเช่นนี้ออกมา นางมีเหตุผลแท้จริงอะไรกันแน่?

ยิ่งกว่านั้น...

เขายกมือซ้ายขึ้น บนหลังมือซ้าย สามรอยจางรูปดาวที่ประทับอยู่ เรียงตัวห่างกันด้วยระยะเท่าเสมอ รอยทั้งสามนี้จางมาก หากไม่สังเกตใกล้ๆจะดูไม่ออก ในตอนนั้น เพราะสามรอยนี้หวังเวิ่นชูถึงได้ยืนยันตัวตนของเขา แม้ว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมาจิตใจของเย่หวูเฉินจะสับสนอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่เขาก็ยังสังเกตเห็นรอยจางเปล่งแสงสีแดงได้อย่างชัดเจน

นอกจากนั้น... คิ้วของเย่หวูเฉินขมวดแน่นเข้าหากัน เขาพลันตระหนักว่ารอยที่เปล่งแสงสีแดงตอนนี้มันใหญ่ขึ้นและมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าพวกมันจะมีขนาดเล็กเพียงเมล็ดถั่วเหลือง สายตาของเขาก็แหลมคมพอที่จะบอกความแตกต่างที่แทบไม่อาจระบุได้

ความจริงเป็นเช่นใดกันแน่? หรือว่านางเกี่ยวข้องกับอดีตของเขา? เขาสำรวจหลังฝ่ามือของตัวเองอย่างเงียบงัน สายตาคล้ายจะมองทะลุหลังมือตัวเองเข้าไปข้างใน

เวลาผ่านไปทุกขณะนาทีที่เขาครุ่นคิด ทันใดนั้นเอง ความคิดประหลาดวาบผ่านเข้ามาในจิตใจ เบาะแสจากเศษเสี้ยวความทรงจำผุดขึ้นมาเพราะการกระตุ้น เป็นมือที่มีรอยประทับสามรอย เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน สิ่งเดียวที่ต่างกันคือมันอยู่บนฝ่ามือแทนที่จะเป็นหลังมือ และมันแสดงตำแหน่งของดวงดาว , พระจันทร์ และพระอาทิตย์

ทำไม?

ดวงดาว , พระจันทร์ , พระอาทิตย์ ภาพของสามรอยประทับปรากฎชัดอยู่ในความทรงจำ สามรอยประทับนั้นเกี่ยวข้องกับสามรอยจางที่อยู่บนหลังมือของเขาในตอนนี้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถนึกเรื่องของมันออกได้

จิตใจเขาเริ่มเหม่อลอย ค่อยๆเห็นฉากที่ทำให้เขาต้องเดินทาง พบสตรีสองนางไร้ที่เปรียบปาน หนึ่งเย็นชาและบริสุทธิ์ราวกับนางเซียน อีกหนึ่งทรงเสน่ห์น่าหลงใหลราวกับนางมาร เมื่อคิดย้อนกลับไป เขายินดีและภูมิใจในตนที่สามารถรักษาจิตใจไว้ได้ และกัดฟันรอดพ้นจากสถานการณ์ แต่ชั่วขณะที่เขาไม่อาจยับยั้งตัวเองได้นั้น มันจะกลายเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสวี่ยเฟยเยี่ยนที่ไม่อาจตัดขาดได้ง่ายๆในอนาคต

ผ่านไปนานมากกว่าสิบนาที เมิ่งจื่อและเสวี่ยเฟยเยี่ยนยังคงไม่กลับมา เขาเริ่มรู้สึกกังวล เขาใช้ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการหลบหนี คือเวลาที่เมิ่งจื่อกำลังสวมชุดพอดี เขาเชื่อว่าเมิ่งจื่อจะไม่ทันเห็นตน ผ่านมานานมากแต่ยังไร้เสียงและไร้การเคลื่อนไหว เกิดอะไรขึ้นระหว่างเมิ่งจื่อและเสวี่ยเฟยเยี่ยนกันแน่?

เขาแหงนศีรษะมองไปยังทิศทางของสระน้ำน้อย ในใจเขาเริ่มกังวลขึ้นมาบ้าง ท้องฟ้าคืนนี้ดวงดารากระจายเต็มทั่ว พระจันทร์ส่องแสงสูงเด่นสง่า พักหนึ่งแสงจันทร์ถูกบดบัง ทุกอย่างมืดหม่นลง เวลานี้เสียงหัวเราะนุ่มนวลดังขึ้น เป็นเสียงของเสวี่ยเฟยเยี่ยน

“น้องชายน้อย เจ้าทำให้ข้ารู้สึกดียิ่งนัก เหตุใดเจ้าถึงวิ่งหนีเสียล่ะ? ข้ายังไม่พอใจเลย ออกมาเถอะ... ออกมา...”

น้ำเสียงน่าหลงใหลไร้ที่เปรียบ ทำให้ความรุ่มร้อนในกายของเย่หวูเฉินที่ระงับอย่างยากลำบากกลับมาพุ่งพล่านอีกครั้ง เขาถอนหายใจยาวแหงนศีรษะมองบนฟ้าราตรี พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ภาพเรือนร่างไร้มนทิลของเมิ่งจื่อกลับปรากฎชัดอยู่ในใจ ภาพหน้าอกนุ่มนิ่มของเสวี่ยเฟยเยี่ยนที่เขาบีบเค้นเล่น รวมทั้งกับเสียงครางรัญจวนใจที่พรากวิญญาณจนไม่อาจลบลืม

สตรีผู้นี้อันตรายอย่างยิ่ง เขาลอบถอนหายใจ

“น้องชายน้อย มาที่นี่หน่อย หากเจ้าไม่มา เจ้าจะต้องเสียใจ”

เย่หวูเฉินยังคงไม่เคลื่อนไหว เขารู้สึกได้ว่าเสวี่ยเฟยเยี่ยนเรียกมาจากตำแหน่งที่อยู่เมื่อครู่ แม้ว่าพวกเขาอยู่ห่างจากกันเป็นระยะทางไกล นางยังส่งเสียงที่ได้ยินเพียงเขาได้โดยตรง น้ำเสียงนุ่มนวลสนิทชิดใกล้คล้ายมองเห็นเป็นหมอกควัน ทำให้เย่หวูเฉินใจสั่นและไม่อาจสงบใจลง หัวใจเขายิ่งมายิ่งเต้นแรงขึ้น



<<<PREV    .    NEXT>>>