วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 182

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 182 โลกวิญญาณ

เย่หวูเฉินและหนิงเสวี่ยออกมาจากวิหารสาบสูญขณะที่ทงซินคอยป้องกัน  แน่นอนว่าจิ้งจอกตัวน้อยกลับมาในทันที และยังคงพุ่งเป้าไปที่เย่หวูเฉิน

ไอปราณสีดำท่วมทับออกมาจากร่างของทงซิน ในเสี้ยววินาที อากาศโดยรอบอัดแน่นไปด้วยแสงสีดำ เตรียมรับจิ้งจอกน้อยที่ใกล้เข้ามา กริชเทพพิโรธในมือเล็งไปที่ร่างขาว

จิ้งจอกน้อยกลายเป็นเงาขาว ราวมังกรขาวที่บินหวีดแหวกอากาศ ตรงเข้าปะทะไอปราณแห่งความมืดและความตาย ม่านแสงดำขาวปะทะกันดุเดือด เกิดเสียงระเบิดเลื่อนลั่น ผืนฟ้าและปฐพีพลันสะท้านสะเทือน ฝุ่นหินปลิวว่อนไปทั่วทิศทาง กระทั่งต้นไม้ที่อยู่ไกลยังใบไม้ร่วงกราวเหมือนห่าฝน

ทงซินยืนขวางอยู่เบื้องหน้าเย่หวูเฉินขณะคอยต้านทานการจู่โจม แต่พวกเขายังถูกผลักให้ถอยร่นด้วยพลังบ้าคลั่ง เย่หวูเฉินห่วงว่าหนิงเสวี่ยจะบาดเจ็บ เขาจึงหันหลังให้ทงซินและกอดหนิงเสวี่ยไว้มั่นในอ้อมแขน

ความเร็วของจิ้งจอกน้อยเหนือล้ำที่สุดเท่าที่เย่หวูเฉินเคยเห็น กระทั่งรวดเร็วยิ่งกว่าทงซิน การหลบหนีออกไปจึงไม่อาจเป็นไปได้

จิ้งจอกน้อยดูเหมือนไม่อยากพัวพันกับทงซิน ดวงตาดำจ้องตรึงที่เย่หวูเฉิน ทงซินไม่ปล่อยให้มันได้ใช้ความเร็ว กริชเทพพิโรธฟาดฟันใส่ร่างของมัน พัวพันติดตามประชิดไม่ลืมหูลืมตา เทียบกับพลังมรณะและพลังทมิฬที่นางมักใช้ การต่อสู้ระยะใกล้ของนางน่าประหลาดใจยิ่งเช่นเดียวกัน

“หนานเอ๋อร์ เจ้ารู้ที่มาของจิ้งจอกน้อยตัวนี้รึเปล่า?” เย่หวูเฉินถามในใจ เบาะแสจากมังกรเพลิงฟ้า , วิหารสาบสูญ , จิ้งจอกน้อยที่มีหางมังกร ทุกสิ่งประหลาดยิ่งราวกับภาพลวงตา ดังนั้นหนานเอ๋อร์อาจรู้จักพวกมัน

“..........”

“หนานเอ๋อร์!?”

“หา? หา? ท่านเรียกข้าเหรอเจ้านาย? ข้ากำลังหลับอยู่...” หนานเอ๋อร์ตอบในที่สุด เย่หวูเฉินกระทั่งได้ยินเสียงหาวของนาง

นางหลับเร็วเกินไปแล้ว... เย่หวูเฉินถึงกับพูดไม่ออก เมื่อครู่นี้ตอนสู้กับหมาป่าฯนางยังตื่นอยู่เลย เพียงเวลาสั้นๆนางกลับหลับเอาเป็นเอาตาย ภายนอกสะเทือนเลื่อนลั่นขนาดนี้ยังไม่อาจปลุกนาง เขาหันไปมองจิ้งจอกน้อยแล้วถาม “เจ้ารู้เรื่องวิหารสาบสูญกับจิ้งจอกน้อยตัวนี้หรือไม่?”

“จิ้งจอกน้อย... หือ? นั่นเหรอจิ้งจอก? อ๊า... อ๊า~~”

หนานเอ๋อร์ร้องโง่งมด้วยความกลัวอยู่นานมาก ทำให้เย่หวูเฉินเกิดคลื่นระลอกปั่นป่วนในสติ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงร้องหวาดกลัวเช่นนี้จากนาง เมื่อรู้ว่านางจำเรื่องราวบางสิ่งได้ เขาจึงถามทันที “หนานเอ๋อร์ เจ้าจำบางอย่างเกี่ยวกับจิ้งจอกน้อยตัวนี้ได้ใช่หรือไม่? บอกข้ามา...”

“เหมือนมาก! เหมือนจริงๆ! นอกจากที่ว่ามันตัวเล็กกว่าเดิม อย่างอื่นล้วนเหมือนกันยิ่ง! ร่างสีขาวหิมะ หางขาวมังกร มันดูเหมือนจิ้งจอกมังกรตัวนั้นอย่างยิ่ง... จักรพรรดิเหนือและจักรพรรดิใต้ต่อสู้กันก็เพื่อจิ้งจอกมังกรตัวนั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้กันอย่างยาวนาน... จนกระทั่งสุดท้าย โกลาหลบรรพกาลได้ถล่มทลายลง ส่วนจิ้งจอกมังกรได้หายสาบสูญไม่ทราบว่าอยู่ไหน กระทั่งพลังของจักรพรรดิเหนือและจักรพรรดิใต้ยังไม่สามารถหามันเจอ

เย่หวูเฉิน “!!”

“พวกมันเหมือนกันยิ่งนัก แต่จิ้งจอกมังกรตัวนี้เล็กกว่าและอ่อนแอกว่าจิ้งจอกมังกรตัวนั้นเป็นอย่างมาก มันไม่น่าจะใช่ตัวเดียวกัน...” หนานเอ๋อร์พึมพำกับตัวเองเสียงเบา “อีกอย่าง มันสมควรหายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว หากมันยังมีตัวตนอยู่ ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน จักรพรรดิเหนือและจักรพรรดิใต้ย่อมสามารถตามหามัน ในตอนนั้น พวกเขาคงเผลอสังหารมันไปในระหว่างการต่อสู้ มันมีความสามารถคือ... เอ่อ ที่เหลือหนานเอ๋อร์จำไม่ได้แล้ว แม้ว่าจิ้งจอกน้อยตัวนี้จะเหมือนกันมากทั้งยังทรงพลัง แต่มันต้องไม่ใช่ตัวเดียวกันแน่ หนานเอ๋อร์ไม่มีทางจำผิด”

“ทำไมจักรพรรดิเหนือกับจักรพรรดิใต้ถึงต้องสู้กันเพียงเพื่อจิ้งจอกมังกรตัวเดียว?”

“ข้าไม่รู้”

วิหารสาบสูญ....

สาบสูญ....

ขอบเขตเทวะทรงพลังเพียงใด? ไม่กี่วันที่ผ่านมา เสวี่ยเฟยเยี่ยนแสดงพลังต่อหน้าเขา นางทำให้แม่น้ำสวรรค์ใต้หยุดไหล ทำให้หิมะตกโปรยปรายไปทั่วท้องฟ้า เพียงนาทีเดียว นางสามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่งที่มองเห็นได้ในสายตา

ทงซินมีพลังเหนือล้ำกว่าขอบเขตเทวะ แต่จิ้งจอกน้อยตัวนี้มีพลังเปรียบเทียบกับทงซินได้ เมื่อทั้งสองปะทะกัน ผลลัพธ์คือความพินาศ เพื่อไม่ให้เย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยต้องโดนหางเลข ทงซินพยายามอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และใช้การพัวพันในระยะประชิดแทน ป้องกันด้วยกริชเทพพิโรธ มันไม่อาจหลุดหนีออกจากนาง ตอนนี้นางพบว่าพลังของมันลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้มันโจมตีทำให้นางสะเทือนได้ จากนั้นค่อยๆกลายเป็นถอยแค่บางครั้ง แต่ตอนนี้มันใช้ร่างเล็กจ้อยหลบหลีกกริชของนาง ขณะที่ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง

เมื่อกลายเป็นเสียเปรียบ จิ้งจอกน้อยไม่เก็บงำอีกต่อไป มันฟาดหางมังกรปัดป้องกริชของทงซิน ฝุ่นผงจากพื้นกระจัดกระจาย ทันใดนั้นร่างของมันกลายเป็นแสงสีขาว... ขณะที่ทงซินกำลังจะเข้าประชิดตาก็พร่าพราง เพราะมันกำลังเปล่งแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า

ในแสงสีขาวนั้น ร่างของจิ้งจอกน้อยขยายออกอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียว ขนาดตัวมันโตขึ้นหลายเท่า มันสูงเท่ากับเอวของทงซินและยังคงขยายใหญ่ กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นทำให้ทงซินต้องชะงักชะลอลง

เสียงปะทะดังสนั่นเมื่อหางมังกรยาวฟาดใส่มือทงซินอย่างเหี้ยมโหด กริชเทพพิโรธปลิวออกจากมือนาง พลังบิดผันทำให้ร่างของทงซินหดเกร็ง นางต้องล่าถอยออกมา จิ้งจอกน้อยจากสงบกลายเป็นดุร้าย มันพุ่งร่างตรงเข้าใส่ทงซิน ทงซินเตรียบรับในเวลาสั้นๆ จนเมื่อเข้าปะทะกัน นางปลิวกระแทกพื้นไถลเป็นร่องลึกบนผืนดิน

ทงซินไม่รอจนหยุด นางหันร่างพร้อมเรียกกริชเทพพิโรธบินกลับมาสู่มือ ใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งไปเบื้องหน้าจิ้งจอกน้อย เล็งกริชไปที่ลำคอ... เสียงแหลมดังขึ้น นางฟันใส่อากาศว่างส่วนจิ้งจอกน้อยสีขาวได้หายไป

ในใจของทงซินปรากฎคำว่า เคลื่อนตัดมิติ!

พริบตาที่มันหายไป จิ้งจอกน้อยปรากฎตัวขึ้นที่เบื้องหน้าของเย่หวูเฉินโดยไร้สัญญาณบ่งชี้ใดๆ มันกลายเป็นแสงสีขาวพุ่งใส่ร่างของเขา ด้วยความเร็วเหนือล้ำและระยะที่ใกล้เพียงนี้ เขาจึงไม่มีเวลาที่จะหลบทัน

“อย่าทำร้ายพี่ชายข้า!!”

ก่อนที่เขาจะสิ้นสติลง เสียงตะโกนดังขึ้นที่ข้างหู พริบตานั้นหนิงเสวี่ยรวดเร็วจนกระทั่งทงซินยังมองไม่ทัน นางหันหน้ากอดร่างของเย่หวูเฉิน หันหลังเป็นเกราะกำบังต่อแสงขาว แต่สติของนางได้เลือนหายไป....

ร่างของพวกเขาไม่ได้ปลิวไปไหนและยังคงอยู่ที่จุดเดิม พวกเขาถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาว จิ้งจอกน้อยได้หายไป ราวกับว่ามันกลายเป็นหมอกแสงขาว ทงซินเดินเข้ามาหาทีละก้าว ยืนอยู่เบื้องหน้าหมอกแสงขาว จ้องมองดูมันอย่างโง่งม

.................................

เป็นโลกสีขาว ทั้งบนฟ้า , ใต้เท้า , ด้านซ้าย , ด้านขวา , เบื้องหน้า และเบื้องหลัง.... ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีขาวโพลน ในมิติว่างเปล่าสีขาวนี้ ทั้งผมเผ้าและเสื้อผ้าของหนิงเสวี่ยแทบจะกลืนเป็นอันเดียวกัน... นางชอบสีขาว แต่เวลานี้หัวใจนางกำลังกังวล

“ท่านพี่ ท่านอยู่ไหน? ที่นี่ที่ไหน? ท่านพี่...”

“ท่านพี่... ท่านอยู่ไหน? ตอบเสวี่ยเอ๋อร์หน่อย ได้โปรด...”

นางเดินตรงไปข้างหน้าเป็นเวลานาน โลกกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด มีเสียงสะท้อนก้องมาจากก้นบึ้งหัวใจนาง ทำให้นางหยุดฝีเท้าลง

“ท่าน...ท่านเป็นใคร? ท่านกำลังคุยกับข้าเหรอ?”

“เอ๋? ท่านเรียกข้าว่าเทพแห่งแสงและชีวิต? ชื่อนี้แปลกมากแต่ว่าข้าไม่ใช่หรอก ชื่อของข้าคือหนิงเสวี่ย... เป็นชื่อที่พี่ชายตั้งให้ข้า...”

“พี่ชายข้า... ข้ามองหาเขาอยู่ เขาต้องอยู่ที่นี่แน่นอน ท่านบอกข้าได้ไหมว่าจะหาเขาได้ที่ไหน?”

“ทำไมท่านไม่พูดกับข้าอีก? โปรดบอกข้าเถอะว่าที่นี่ที่ไหน?”

“โลกวิญญาณ? เป็นชื่อที่แปลกมาก ข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงอยู่ที่นี่ แต่ข้ารู้สึกได้ว่าท่านพี่ต้องอยู่ที่นี่แน่ ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น โอ้ ใช่แล้ว ทำไมท่านถึงได้มาอยู่ในที่แปลกๆแบบนี้? ท่านก็ถูกพามาที่นี่เหมือนกันเหรอ?”

“เอ๋? ท่านจะบอกว่าท่านเป็นคนพาข้ามาที่นี่?”

ในโลกสีขาว เงาเล็กๆสีขาวปรากฎขึ้นเบื้องหน้านาง หูแหลมชี้ , ดวงตาดำ , หางยาวเหมือนมังกร และร่างที่เป็นสีขาวหิมะจนกลืนเข้ากับโลกรอบๆ มันคือจิ้งจอกน้อยที่นางอุ้มไว้เมื่อก่อนหน้านี้

“เป็นท่านนั้นเอง... ทำไมท่านถึงพาข้ามาที่นี่? พี่ชายข้าอยู่ไหน ท่านรีบบอกข้ามาเร็วเข้า...”

จิ้งจอกน้อยลอยร่างอยู่กลางอากาศ ขณะที่หมอกแสงขาวเข้าคลุมร่างของมัน ในแสงนั้น จิ้งจอกน้อยเริ่มเปลี่ยนสภาพร่างอย่างรวดเร็ว หางยาวได้หายไป ร่างกาย , ขาทั้งสี่ , และศีรษะ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ เมื่อเปลี่ยนสภาพร่างเสร็จ แสงอ่อนโยนที่หุ้มร่างไว้ก็จางหายไป เป็นรูปบุคคลงดงามลอยอยู่กลางอากาศ

นางสูงประมาณ 20 เซนติเมตร ทั่วร่างของนางมีแสงสีขาวเรืองอ่อนๆ เมื่อมองดูใกล้ๆ นางอ้อนแอ้นเพรียวบาง ผมของนางเป็นสีขาวหิมะเหมือนกับของหนิงเสวี่ย กระทั่งอายุของนางยังไม่ต่างจากหนิงเสวี่ยมากนัก ใบหน้าเล็กๆน่ารักไร้ที่เปรียบ ชุดขนสัตว์ตัวเล็กสวมอยู่บนร่างกาย เผยไหล่และขาหิมะงดงาม เท้าสว่างและสะอาดไร้ที่เปรียบ ปลายเท้าชี้ลงขณะลอยอยู่อย่างเงียบงัน ผมยาวราวกับถูกลูบไล้ด้วยสายลม พริ้วไหวอยู่เบื้องหลังของนาง

“ท่าน...ท่านคือจิ้งจอกน้อย? ท่านคือจิ้งจอกน้อยจริงๆเหรอ??”

“ว้าว! น่าอัศจรรย์มาก น่ารักจริงๆ... ท่านขยับมาใกล้ๆได้ไหม? ข้าอยากกอดท่าน”

“ท่านบอกชื่อของท่านได้รึเปล่า?”

“จิ้งจอกมังกร? เป็นชื่อที่แปลกจริงๆ แถมยังฟังดูแล้วไม่ค่อยเพราะ... เอ๋? ท่านก็คิดว่าฟังไม่เพราะเหมือนกัน? งั้นพวกเรามาคิดชื่อที่ดีกว่านั้นกันเถอะ โอ้... ใช่แล้ว ร่างกายของท่านมีกลิ่นหอม ถ้าอย่างนั้นข้าจะเรียกท่านว่าเซียงเซียงดีหรือเปล่า?”

“ฮี่ ฮี่ ดีเลย ต่อไปข้าจะเรียกท่านว่าเซียงเซียง ร่างกายของท่านหอมจริงๆ ข้าอยากได้กลิ่นนี้ทุกวัน แต่ว่าเซียงเซียงน้อย ท่านบอกข้าได้ไหมว่าท่านพี่อยู่ที่ไหน? ท่านปล่อยข้ากับท่านพี่ไปได้ไหม? หากข้าไม่ได้เห็นพี่ชายจะรู้สึกกลัว และถ้าท่านพี่หาข้าไม่พบ เขาจะต้องรู้สึกกังวล ดังนั้นได้โปรดเถอะนะ?”

“ท่านจะถามว่าทำไมข้าถึงเป็นห่วงท่านพี่มากนัก? เพราะว่า... เขาคือพี่ชายข้า , ใกล้ชิดที่สุด , ยอดเยี่ยมที่สุด และเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก ข้าไม่ต้องการแยกจากเขา”

“เซียงเซียง ทำไมท่านไม่พูดอีกแล้ว ปล่อยพี่ชายไปเถอะ แล้วข้าจะเล่นกับท่านอยู่ที่นี่ เอาแบบนี้ดีไหม?”

“เอ๋? ท่านต้องการยึดร่างกายของเขา? ยึดร่างของเขา... แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”

“ไม่นะ... ข้าไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น! ท่านต้องไม่แย่งร่างของท่านพี่ไป ท่านทำไม่ได้! ไม่ได้นะ! ไม่อย่างนั้น ข้าจะต้องตายเพราะความเสียใจแน่ๆ ท่านอย่าทำนะ!”

“พลังของท่านกำลังจะสลายไป? ไม่...ไม่ว่ายังไง ท่านก็ต้องไม่แย่งร่างของพี่ชาย ท่านจะต้องไม่ทำแบบนั้น!”

“ถ้าท่านจำเป็นต้องทำจริงๆ งั้นท่าน... ใช้ร่างของข้าแทนได้ไหม? พวกเรามีผิวกับเส้นผมสีขาวเหมือนกัน ข้าจะต้องเหมาะกว่าท่านพี่แน่ๆ ใช่ไหม?”



<<<PREV    .    NEXT>>>