วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 138

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 138 กระบี่หิมะ

สถานที่แห่งนี้อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน แต่มันไม่ได้มืดมิดแต่อย่างใด เท่าที่สายตามองเห็น มีสมบัติทุกชนิดต้องแสงระยับจับตา ส่วนใหญ่พร่างพราวด้วยสีสันสวยงาม ส่วนน้อยอับแสงกองอยู่ตรงมุม เมื่อเย่หวูเฉินก้าวเท้าเข้ามา เขารู้สึกวิงเวียน แสงระยิบมีชีวิตชีวา ศาสตราสูงชั้น คมกล้าราวสมบัติเทพขุนพล

“ตามที่ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจ้าสามารถเลือกได้เพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น จะเป็นสิ่งใดก็ได้” อาวุโสหลี่กล่าว พอพูดจบเขาก็ยืนอยู่ตรงมุมก้มศีรษะลงและไม่เอ่ยคำใดอีก ลมหายใจระงับสนิทราวกับตกตายในฉับพลัน

เย่หวูเฉินไม่ใส่ใจ เขาก้าวเข้าไปและกวาดสายตาสำรวจ สมกับเป็นคลังสมบัติที่สร้างขึ้นครั้งก่อตั้งอาณาจักรเทียนหลง ไม่ว่าจะหยิบชิ้นใดขึ้นมาก็นับว่าล้ำค่าไม่อาจประเมิน สมบัติเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นยุทธภัณฑ์ทุกชนิด ดาบ , กระบี่ , คันศร , หน้าไม้ , หอก , หนาม , ขวาน , โล่ , กรงเล็บ , ชุดเกราะ... ทุกสิ่งรวมกันอยู่ที่นี่ ยิ่งกว่านั้น ของทุกชิ้นยังเหนือล้ำเกินธรรมดา ภายนอกเย่หวูเฉินยังคงสงบ แต่ภายในลอบอัศจรรย์ คลังสมบัตินี้พิสูจน์ให้เห็นว่าทรัพย์สินของตระกูลหลงเหนือกว่าคนทั่วไปมากมาย บางทีสามผู้ปกปักษ์อาจไม่ใช่สิ่งคุ้มกันที่ทรงพลังที่สุดของหลงหยิน เหล่าจักรพรรดิแห่งเทียนหลงปกครองมานานนับพันปีโดยไม่ล่มสลาย พวกเขาย่อมมีไม้ตายลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในมือ

คลังสมบัติกว้างขวางอย่างมาก เย่หวูเฉินเดินเข้าไปจนสุด จากนั้นเดินกลับมา ในที่สุดเขาก็หยิบกระบี่ยาวสีน้ำเงินเข้มเล่มหนึ่งขึ้นมา สัมผัสเย็นเยือกของน้ำแข็งแผ่ลามเข้าไปในมือ จนกระทั่งทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยอากาศเย็น แม้แต่อากาศเย็นสุดขั้วก็ไม่อาจทำร้ายเขาได้ แต่หากกระบี่เล่มนี้ถูกจับต้องโดยคนธรรมดา ในเวลาสั้นๆมือของพวกเขาจะถูกแช่แข็ง กระบี่เล่มนี้น่าจะถูกเก็บไว้ที่นี่มานานหลายปี กระนั้นมันก็ยังให้สัมผัสเย็นเยียบจนผู้คนต้องชื่นชม

“จะดีกว่าหากไม่เลือกกระบี่เล่มนั้น ไม่เช่นนั้น มันจะนำหายนะมาสู่เจ้าจากการล่าสังหาร” อาวุโสหลี่ที่เงียบมาตลอดจู่ๆก็กล่าวขึ้น

“เพราะอะไร?” เย่หวูเฉินชะงักเมื่อได้ยิน เขาถือกระบี่และสำรวจอย่างระมัดระวัง

“กระบี่เล่มนี้ชื่อว่ากระบี่หิมะ เช่นเดียวกับกระบี่ชางหมิงของเทพกระบี่ และกระบี่คร่าสายลมของฟงเฉาหยาง พวกมันได้ชื่อว่าสามศาสตราอัศจรรย์ของโลก มันร่วงหล่นตอนที่เสวี่ยหนี่ต่อสู้กับสตรีเทพพิโรธเมื่อ 20 ปีก่อน หลังจากนั้นตระกูลหลงไปพบเข้าโดยบังเอิญ และนำมาเก็บรักษาไว้ในคลังสมบัติแห่งนี้ ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เสวี่ยหนี่พากเพียรตามหากระบี่เล่มนี้ หากนางรู้ว่ากระบี่อยู่ในมือเจ้า บางทีนางอาจสังหารเจ้าเพื่อชิงกระบี่กลับคืน” อาวุโสหลี่กล่าวราบเรียบ

“ถ้าอย่างนั้น เหตุใดองค์จักรพรรดิถึงไม่คืนกระบี่ให้เสวี่ยหนี่? บางทีอาจทำให้นางติดค้างพระองค์ หรือบางที เราอาจใช้กระบี่เล่มนี้เชิญนางมารักษาจักรพรรดิและจักรพรรดินี แบบนั้นจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ?” เย่หวูเฉินกล่าวขณะลองกวัดแกว่งกระบี่หิมะ

“นั่นเป็นเรื่องของตระกูลหลง ข้าไม่มีส่วนข้องเกี่ยว” อาวุโสหลี่ตอบกลับเฉยเมยและไม่กล่าวคำใดอีก

“ในเมื่อกระบี่เล่มนี้อันตรายนัก ดังนั้น ข้าอยากได้มัน”

เมื่อมีกระบี่หิมะในมือ เย่หวูเฉินไม่มองไปทางอื่นอีก สีหน้าของเขาสงบขณะตรงไปที่ทางออก กระบี่หนานฮวงไม่อาจนำออกมาแสดงต่อหน้าผู้คน รวมทั้งพลังของมันไม่ควรถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจำเป็นต้องหาอาวุธอื่น แม้ว่าการครอบครองกระบี่หิมะและกระบี่หนานฮวงจะไม่ปลอดภัย แต่ญาณหยั่งรู้บอกเขาว่า กระบี่เล่มนี้จะนำบางสิ่งที่คิดไม่ถึงมาสู่เขา

ต่างคนไม่พูดจา อาวุโสหลี่ไม่กล่าวคำใดต่อ เมื่อครู่เขาได้เตือนเย่หวูเฉินแล้ว ซึ่งเขาละเว้นหลักการของตน เนื่องจากเย่หวูเฉินเป็นศิษย์ของเทพกระบี่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สนใจชีวิตของเย่หวูเฉิน

ขณะที่พวกเขากำลังจะออกไป จู่ๆเย่หวูเฉินก็หยุดเท้า สายตาของเขาจ้องไปที่มุมมืดถัดจากประตูเหล็ก ภายในคลังสมบัติเต็มไปด้วยสิ่งของล้ำค่ามากมาย ทั้งอัญมณีและศาสตรา แต่ในมุมนั้นกลับมีกระบี่เหล็กสนิมเขรอะฝุ่นจับอยู่ที่ผิว ถูกสนิมกินแสดงว่ากระบี่เล่มนี้คือกระบี่เหล็กธรรมดา และภายนอกของมันก็เหมือนกระบี่ธรรมดาทั่วไป แล้วเหตุใดกระบี่ธรรมดาเช่นนี้กลับมาอยู่คลังสมบัติของตระกูลหลินได้?

“มันคือกระบี่อะไร?” เย่หวูเฉินที่ไปที่กระบี่

อาวุโสหลี่เหลือบมอง จากนั้นส่ายศีรษะแล้วกล่าว “ข้าไม่ทราบ”

เย่หวูเฉินย่างเท้าเดินตรงไปที่มัน หยิบกระบี่ยาวที่อ่อนด้อยสะดุดตาเล่มนี้ขึ้นมา เขาสะบัดข้อมือ ฝุ่นบนผิวกระบี่ถูกสลัดทิ้งไป เผยผิวกระบี่ที่ถูกสนิมกัดกิน ไร้แสงแวววาวไร้ความงดงาม เมื่อถืออยู่ในมือไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งพิเศษใดๆ เย่หวูเฉินถือด้ามกระบี่ด้วยมือเดียว ขณะที่มืออีกข้างค่อยๆลูบตัวกระบี่ คิ้วของเขายกขึ้นในทันใด

“ข้าจะเอาเล่มนี้” เย่หวูเฉินรีบโยนกระบี่หิมะกลับที่เก่า เขาจับกระบี่เหล็กแล้วเดินออกจากคลังสมบัติ ชั่วขณะที่เขาหันหลังให้อาวุโสหลี่ เขาใช้มือทำท่าสัญญาณที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

อาวุโสหลี่ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด งุนงงกับการเลือกของเย่หวูเฉิน แต่เขาไม่กล่าวคำใดและเดินออกมาเงียบๆ ปิดประตูคลังสมบัติที่อยู่เบื้องหลัง ก่อนที่ประตูจะปิดสนิท เขาสัมผัสได้รางๆว่ามีเสียงลมผ่านหูเขาไป ประสาทระวังภัยที่สั่งสมมาหลายปีตื่นตัวขึ้น เขาเบิกดวงตาชราขึ้นกว้าง แผ่ขยายจิตสัมผัสจนถึงระดับสูงสุด

“มีอะไรหรือ อาวุโสหลี่?” เมื่อเห็นท่าทางของเขาเปลี่ยนไป เย่หวูเฉินถามพร้อมขมวดคิ้ว

บรรยากาศยังคงสงบเหมือนแต่ก่อน เห็นได้ชัดว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ นอกจากเย่หวูเฉินและตัวเขาแล้ว พื้นที่บริเวณนี้ย่อมไม่สมควรมีผู้ใด แม้ว่าอาวุโสหลี่จะสงสัย แต่เบื้องลึกในใจเขาสงบลง เขากล่าวพลางส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร” จากนั้นเขาปิดประตูและปิดล็อคกลไล

อุโมงค์ยาวมืดมีเพียงเสียงฝีเท้าของสองคนดังสะท้อน บริเวณนี้ทั้งหมดมีกลไกแน่นหนาป้องกัน ทุกกลไกสามารถสังหารไม่ว่าผู้ใด เย่หวูเฉินอดไม่ได้ที่จะนับถือผู้ที่คิดกลไกพวกนี้ขึ้นมา ขณะที่จะออกจากอุโมงค์ใต้ดิน เย่หวูเฉินเอ่ยถามทันที “ท่านมีเรื่องอะไรจะกล่าวกับข้าหรือไม่?”

ระหว่างช่วงที่เงียบงัน เขารู้สึกได้ถึงจังหวะลมหายใจอาวุโสหลี่ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนเขาต้องการพูดบางอย่างแต่หยุดไว้

“อาจารย์ของเจ้าสบายดีหรือไม่?” อาวุโสหลี่ถาม

“เขาแข็งแรงดี เขาออกไปนั่งรับแสงแดดด้านนอกทุกวัน” เย่หวูเฉินกล่าวขณะคิดในใจ ฉู่ชางหมิงเป็นอาจารย์ที่สะดวกสบายยิ่งนัก เขาใช้เวลาแทบทั้งหมดนั่งอยู่บนตอไม้ของเขา เขาเงียบมากจนไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดสิ่งใด อาจถือได้ว่าเขาคือคนแรกที่เย่หวูเฉินเห็นในโลกใบนี้ ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน เย่หวูเฉินรู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ภายหลังต่อมา เขาเดาได้ถูกต้องเพราะนั่นคือเทพกระบี่ฉู่ชางหมิง ตัวตนในตำนานที่ข่มขวัญกองทัพนับแสนของอาณาจักรต้าฟงด้วยกระบี่ของตน

“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? หลายปีแล้วที่ข้าได้เห็นเขาครั้งสุดท้าย” อาวุโสหลี่ถอนใจ จ้องที่เย่หวูเฉินแล้วกล่าว “อย่ากังวล ข้าจะไม่บอกใคร”

“เช่นเดียวกับอาวุโสหลี่ ข้าได้สัญญากับอาจารย์ไว้ว่าจะไม่บอกใครเช่นกัน” เย่หวูเฉินยิ้ม

อาวุโสหลี่เงียบและไม่กล่าวคำอีก

ในที่สุด พวกเขาก็ออกมาถึงแสงสว่างด้านนอกซึ่งเป็นสวนใหญ่ที่สุดของราชวัง เย่หวูเฉินเก็บกระบี่เหล็กไว้ในแหวนเทพกระบี่ จากนั้นกล่าว “อาวุโสหลี่ รบกวนท่านช่วยแจ้งองค์จักรพรรดิว่าหวูเฉินจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้ ข้าจะไปพบองค์หญิงเฟยฮวงก่อน โปรดรบกวนด้วย อาวุโสหลี่”

อาวุโสหลี่พยักหน้าแล้วจากไป เมื่อเขาออกไปพ้นหลังสวน เขาหันไปอีกทางแล้วมุ่งหน้าไป

“เขาเลือกอาวุธชิ้นใด?”

ภายในห้องหนังสือ หลงหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะเขาสัญญาว่าจะทำตามคำขอของเย่หวูเฉินทุกอย่าง เขาคงไม่อนุญาตให้เย่หวูเฉินเข้าไปข้างในคลังสมบัติ กระทั่งเย่หนู่ยังเพียงแค่เคยได้ยิน แต่เขาไม่เคยเข้าไปข้างใน

“กระบี่เหล็ก” อาวุโสหลี่ตอบกลับสั้นๆได้ใจความ

“กระบี่เหล็ก?” หลงหยินมีสีหน้างุนงง “มีกระบี่เหล็กอยู่ในคลังสมบัติด้วยหรือ? เดี๋ยวนะ... กระบี่ที่ว่านั่นวางอยู่ตรงมุมถัดจากประตูเหล็กใช่หรือไม่?”

“ใช่”

หลงหยินครุ่นคิดอย่างหนัก การตัดสินใจของเย่หวูเฉินไม่สมเหตุสมผล เขาไม่เข้าใจว่าทำไม มีอาวุธยอดเยี่ยมมากมายอยู่ในคลังสมบัติ เขากลับเลือกกระบี่ขึ้นสนิมที่ไร้ความพิเศษใดๆ ด้วยความสามารถของเขา เขาไม่ใช่บุคคลที่จะทำเรื่องผิดพลาด... หรือจะมีความลับซ่อนอยู่ในกระบี่เล่มนั้น

“กระบี่เหล็กเล่มนั้นถูกทิ้งไว้ให้โดยบรรพบุรุษต้นราชวงศ์ เขาสั่งไว้ว่านอกจากอาณาจักรล่มสลายห้ามทิ้งหรือทำลายกระบี่เล่มนั้น หลายยุคสมัยที่ผ่านมา เหล่าบรรพบุรุษต่างค้นหาความลับของกระบี่ แต่พวกเขาไม่พบใดเป็นพิเศษเกี่ยวกับมัน มันเป็นแค่กระบี่ของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอาณาจักร เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น กระบี่เล่มนั้นถูกเก็บอยู่ในคลังสมบัติและไม่ถูกแตะต้องมาตลอดหลายปี

อาวุโสหลี่ “........”

“แต่หากมันเป็นเพียงกระบี่ธรรมดา เหตุใดเย่หวูเฉินถึงเลือกมันทั้งที่มีอาวุธยอดเยี่ยมอยู่หลายอย่าง? หรือว่า... จะมีความลับซ่อนอยู่จริงๆ? อาวุโสหลี่ ตอนที่เขาถือกระบี่ มีสิ่งผิดปกติใดๆเกิดขึ้นหรือไม่?” หลงหยินถามเสียงต่ำ

อาวุโสหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นส่ายศีรษะ “ตอนแรกเขาเลือกกระบี่หิมะ แต่หลังจากที่เขาพบกระบี่เหล็กและสำรวจครู่หนึ่ง เขาก็โยนกระบี่หิมะกลับที่เดิม จากนั้นออกไปพร้อมกับกระบี่เหล็กโดยไม่ลังเล นอกจากนี้ก็ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ”

หลงหยินเงียบอีกครั้ง เค้นสมองคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะโพล่งออกมา “หากเขาไม่ได้ตั้งใจเลือกกระบี่ไร้ค่า ย่อมหมายความว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่ในกระบี่เล่มนั้น มันถูกส่งผ่านมือตระกูลหลงมาหลายร้อยปีโดยไม่เคยถูกพบความลับมาก่อน แต่เขากับล่วงรู้ได้ในแทบทันที... เมื่อเขากลับมา ข้าจะต้องนำกระบี่เล่มนั้นกลับคืน”



<<<PREV    .    NEXT>>>