วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 176

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 176 ทั่วท้องฟ้าหิมะโปรยปราย (2)

“เย้ จะได้บินแล้ว” หนิงเสวี่ยตะโกนดีใจ ทุกครั้งที่พวกเขามาถึงแม่น้ำที่กว้างเกินไป หากไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ทงซินจะพาพวกเขาบินข้ามไปอีกฟาก สถานที่ห่างไกลเช่นนี้ พวกเขาไม่พบบ้านเรือนใดๆ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเรือข้ามฟาก

เย่หวูเฉินพยักหน้า ขณะที่เขาก้มศีรษะกำลังจะเรียกทงซิน เขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากที่ไกล เย่หวูเฉินมองตามสัมผัสนั้นไป ในที่ไกลสุดสายตา ตรงสุดเส้นขอบฟ้าสัมผัสกับผิวน้ำ เขาเห็นร่างสีขาวขนาดเล็กที่แทบมองไม่เห็น

“มารเสน่ห์?” เย่หวูเฉินเหม่อมองอย่างประหลาดใจขณะที่มองร่างนั้น นอกจากทงซินแล้ว มีเพียงเสวี่ยเฟยเยี่ยนที่สามารถลอยกลางอากาศได้

ด้วยระยะทางที่ไกลเป็นอย่างยิ่ง จึงเห็นเป็นเพียงจุดสีขาว แต่ถึงอย่างนั้น เย่หวูเฉินก็ยังสามารถเห็นได้ว่า ร่างขาวนั้นหันหน้ามองมา และเผยรอยยิ้มงดงามให้กับเขา ในพริบตาที่นางวาดกระบี่หิมะในมือ ประกายแสงเย็นเยียบแผ่พุ่งออกจากร่างของนาง ทะลักทลายออกมาจากใจกลาง

แสงสว่างเจิดจ้าทำให้เย่หวูเฉินปิดตาลงเล็กน้อย เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง มีเกล็ดหิมะชิ้นหนึ่งลอยลงมาต่อหน้า มันตกอยู่บนศีรษะของหนิงเสวี่ย และแทบกลืนเข้ากับเส้นผมสีขาวของนาง แทบจะไร้ความแตกต่างระหว่างกัน

เกล็ดหิมะเริ่มโปรยลงมา ยิ่งมายิ่งมากขึ้น ในชั่วพริบตาท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยหิมะโปรยปราย

หนิงเสวี่ยมองตาโต ไม่อาจอดได้และยื่นมือออกไล่จับหิมะร่วง นางยิ้มร่าเริงและเอ่ยสดใส “ท่านพี่ นี่คือหิมะเหรอ? เย็นดีจัง งดงามมากเลย... เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นหิมะ... แต่ท่านพี่เคยบอกว่าหิมะจะตกตอนที่อากาศเย็นมากๆเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ อากาศไม่ได้เย็นเลย”

หิมะปลิวละล่องราวกับสายรุ้ง แต่นอกจากความเย็นของหิมะแล้ว อุณหภูมิโดยรอบไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย กระทั่งในฤดูหนาว อุณหภูมิของดินแดนทางใต้ยังเท่ากับเพียงฤดูใบไม้ผลิของเมืองเทียนหลงเท่านั้น ท้องฟ้ามีเมฆเพียงเบาบาง หิมะนี้ไม่ทราบว่าปรากฎออกมาจากส่วนใดของท้องฟ้า

เสียงน้ำแข็งก่อตัวได้ยินดังขึ้นต่อเนื่อง เบื้องหน้าของพวกเขา กระแสน้ำเชี่ยวกรากของแม่น้ำสวรรค์ใต้ถูกพลังลึกลับบางอย่างทำให้มันไหลช้าลง น้ำแข็งก่อตัวขึ้นบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ผิวน้ำทั้งหมดก็กลายเป็นน้ำแข็ง แต่ความเยือกแข็งไม่ได้หยุดลงแค่ตรงผิวน้ำ เสียงน้ำแข็งก่อตัวยังคงดังสะท้อนลึกลงไป... จนคนสามารถจินตนา ว่ามันต้องถูกแช่แข็งลึกลงไปจนถึงก้นแม่น้ำ

หยุดกระแสของแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งทวีปเทียนเฉิน การกระทำนี้นับได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนพลังธรรมชาติ แช่แข็งแม่น้ำยิ่งใหญ่นับเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์แห่งตำนาน หากแต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาแล้ว ยิ่งกว่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าผืนน้ำที่ถูกแช่แข็งจะกว้างใหญ่ไพศาล ต้องใช้พลังเย็นเยือกมากถึงเพียงใด กระนั้นพวกเขาทั้งสามที่อยู่ริมฝั่งกลับไม่รู้สึกถึงความเหน็บหนาว เพียงรู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากผิวน้ำแข็ง

เกล็ดน้ำแข็งบนฝ่ามือของหนิงเสวี่ยละลายเพราะความอบอุ่นของร่างกาย แต่นางไม่รู้สึกถึงมัน เพราะกำลังมองโง่งมกับฉากยิ่งใหญ่เบื้องหน้า นางมองที่เย่หวูเฉินอย่างสับสน รอคอยฟังคำอธิบาย

เสวี่ยเฟยเยี่ยนใบหน้าซีดขาวราวกับหิมะ การกระทำท้าทายธรรมชาติแทบจะสูบกลืนพลังทั้งหมดของนาง

“นี่คือของขวัญอำลาจากพี่หญิง เจ้าชอบหรือเปล่า....”

นางยิ้มอ่อนโยน ค่อยๆลอยร่างลงบนพื้นน้ำแข็ง

“ไปกันเถอะ” เย่หวูเฉินไม่ลังเล เขาจูงมือน้อยๆของทงซินขณะย่างก้าวลงบนพื้นน้ำแข็งแล้วมุ่งหน้าตรงไป มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ ที่สามารถทำสิ่งยิ่งใหญ่เพียงนี้ได้ หากไม่ใช่เพราะอายุที่ต่างเกินไป รวมทั้งเห็นได้ชัดว่านางไม่รู้จักทงซิน เขาคงเชื่อว่าตัวตนของนางคือเสวี่ยหนี่แห่งชางหลาน “เทพหิมะ” ที่เขย่าขวัญสะท้านไปทั้งทวีปเทียนเฉิน

กลางอากาศบนท้องฟ้า ร่างสีขาวได้หายไป หิมะที่โปรยปรายได้ลดลง เมื่อพวกเขาเดินไปถึงกลางทาง เย่หวูเฉินหยุดฝีเท้า มองข้อความบนพื้นน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้า

“ต่อให้เจ้าไม่ไล่พี่หญิง ข้าก็ยังต้องกลับไป หากเจ้าชอบของขวัญชิ้นนี้ จงไปวังสตรีหิมะเพื่อตามหาข้า หากว่าเจ้าไม่มา ข้าจะยังคงรอ รอจนกว่าจะแก่เฒ่า รอจนกระทั่งเส้นผมกลายเป็นสีขาว...”

สุดท้าย ด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล

เกล็ดหิมะไม่ได้ปกคลุมตัวอักษรงดงามที่สลักบนพื้นน้ำแข็ง เย่หวูเฉินมองไปรอบๆอย่างว่างเปล่า ทั้งซ้ายขวาและหน้าหลัง แต่เขาก็ไม่พบเงาร่างใด เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น ทงซินกระพริบตาแล้วดึงมือเขา ส่ายศีรษะช้าๆบอกเพื่อบอกเขาว่า นางได้จากไปแล้วและจากไปไกล จนแม้แต่นางก็ไม่อาจสัมผัสถึงตัวตนนั้นได้อีกต่อไป

เย่หวูเฉินพยักหน้า หัวใจสับสนอย่างหนัก ทำไมนางถึงทำเช่นนี้? ทำไม?

“ท่านพี่...”

“นี่คือของขวัญที่พี่หญิงเสวี่ยของเจ้ามอบให้กับพวกเรา เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าชอบรึเปล่า?” เย่หวูเฉินหันไปมองรอบๆอีกครั้ง จากนั้นออกเดินก้าวย่างต่อไปเบื้องหน้า

“ข้าชอบมาก พี่หญิงเสวี่ยแข็งแกร่งจริงๆ” หนิงเสวี่ยตอบ สีขาวกระจายอยู่ทั่วดึงดูดความสนใจของหนิงเสวี่ยเป็นพิเศษ

“ข้าก็ชอบเช่นกัน แต่นางคงจะเหน็ดเหนื่อยมาก” เย่หวูเฉินหัวเราะ เขาไม่รู้ว่าเหตุใด หัวใจเขาจึงเหมือนรู้สึกเจ็บปวด ทั่วท้องฟ้าหิมะโปรยปราย ทั่วผืนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง  ไม่เพียงสร้างเส้นทางเดิน แต่มันยังบอกอีกว่า หัวใจของนางที่มีให้เขานั้นบริสุทธิ์ยิ่งกว่าหิมะและหนาแน่นยิ่งกว่าน้ำแข็ง

แต่แท้จริงแล้วเพราะอะไร?

เขาไม่เชื่อในความรักลึกซึ้งอันไร้สาเหตุ โดยเฉพาะจากสตรีที่มีความคิดพิถีพิถัน และยังมีพลังอันน่าหวาดหวั่น

แต่หากไม่คิดถึงเรื่องเหตุผล คำพูดของเขาเมื่อวาน ย่อมทำร้ายทิ่มแทงหัวใจของนางอย่างยิ่ง ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจ

“เจ้านาย นางน่าอัศจรรย์มากจริงๆ” เสียงของหนานเอ๋อร์ดังขึ้น “เหตุใดถึงมีผู้คนน่าอัศจรรย์มากมาย รายรอบอยู่ข้างกายเจ้านาย”

“นางน่าอัศจรรย์ยังไง?” ขณะที่เดินไป เขาถามอยู่ในใจ

“พลังขอบเขตเทวะเชียวนะ! เจ้านาย ท่านไม่คิดว่านางน่าอัศจรรย์เหรอ? หนึ่งพันเจ้านายก็ไม่อาจเป็นคู่มือของนางได้” หนานเอ๋อร์กล่าว ไม่ไว้หน้าเจ้านายของนางแม้แต่น้อย

พลังขอบเขตเทวะ... วังสตรีหิมะ... หรือว่าจริงๆแล้วยอดฝีมือขอบเขตเทวะแห่งวังสตรีหิมะมีอยู่สองคน? หรือว่าบางที...

ในที่สุด พวกเขาก็เดินมาถึงอีกฝั่ง หิมะโปรยปรายก็หยุดลงเช่นเดียวกัน เย่หวูเฉินหันศีรษะไปมองพื้นผิวน้ำแข็งที่เริ่มละลาย เขารีบกล่าว “ทงซิน ข้าต้องการน้ำแข็งก้อนใหญ่มากๆ”

ทงซินงุนงงในคราแรก แต่หลังจากที่เข้าใจ นางก็ลอยร่างงดงามไปอยู่เหนือผืนน้ำแข็ง เลือกตำแหน่งเหมาะๆ มือน้อยๆทั้งสองข้างวาดตัด จากนั้นตวัดอีกครั้ง สร้างรังสีแสงสีดำใส่พื้นน้ำแข็งเบื้องล่าง

แกร๊ก , แกร๊ก , แกร็ก , แกร็ก

เสียงสี่ครั้งที่น้ำแข็งถูกตัด บนผิวน้ำแข็งมีสี่เส้นลึกเชื่อมกันเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่า ร่างของทงซินลอยลง ยื่นมือแตะลงบนผิวน้ำแข็ง นางขยับเบาๆขณะที่น้ำแข็งลอยเคลื่อนขึ้นอย่างรุนแรง

ก้อนน้ำแข็งยักษ์ขนาดเท่าบ้านหลังหนึ่งถูกดึงขึ้นมาโดยร่างงดงามของทงซิน นางนำมันมาวางตรงหน้าของเย่หวูเฉินช้าๆ เมื่อนางลอยลงสู่พื้น ใบหน้ายังสงบราบเรียบเหมือนเช่นเคย กระทั่งลมหายใจยังไร้รอยความเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่านางไม่ได้ยกก้อนน้ำแข็งที่หนักเกือบ 200 ตัน หากแต่เป็นก้อนสำลี

เย่หวูเฉินเก็บก้อนน้ำแข็งยักษ์ใส่แหวนเทพกระบี่ ด้วยมิติว่างของแหวนที่ไร้แสงสว่างและความร้อนใดๆ หากเก็บอาหารไว้ข้างใน มันจะไม่มีวันเน่าเสีย , โลหะจะไม่เกิดสนิม , น้ำจะไม่ระเหย และน้ำแข็งจะไม่มีวันละลาย เย่หวูเฉินมองผิวแม่น้ำที่ยามนี้เริ่มละลาย เขาหันกายและมุ่งหน้าลงใต้ต่อ

เมื่อใดที่เขามีพลังแกร่งกล้าขึ้น เขาย่อมสามารถปกป้องทุกสิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่อยากเอาแต่พึ่งพาทงซินตลอดไป พลังของเขาไม่อาจบรรลุได้ด้วยการฝึกฝน หากแต่เป็นการดูดกลืน การเดินทางมายังดินแดนตอนใต้คือก้าวแรกและก้าวสำคัญในการเพิ่มระดับพลัง การเดินทางสั้นๆเพียงยี่สิบกว่าวันได้เพิ่มสองห่วงกังวลในหัวใจ และเป็นอีกสองเหตุผลที่เขาจะต้องมีพลังแกร่งกล้าขึ้น

เขาไม่รู้จักการโทษฟ้าหรือคนอื่น เขาไม่รู้จักการยอมแพ้ เขารู้เพียงว่าสิ่งใดที่ต้องทำหรือห้ามทำ และสิ่งใดที่ต้องทำให้บรรลุอย่างสมบูรณ์

เพื่อเหยียนจื่อเมิ่งแล้ว เขาตัดสินใจเผชิญหน้ากับสำนักจักรพรรดิเหนือ เผชิญหน้ากับพวกมันย่อมต่างจากเผชิญหน้ากับสำนักจักรพรรดิใต้ อันนั้นง่ายดายแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม เขาไม่ได้ครอบครองคันศรเป่ยตี้เหมือนที่มีกระบี่หนานฮวง ไม่เช่นนั้น  เขาคงไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรน และสำนักจักรพรรดิเหนือคงกระเสือกกระสนยกเหยียนจื่อเมิ่งให้เขาเพื่อแลกกับคันศรเป่ยตี้

เขาต่างจากเสวี่ยเฟยเยี่ยนที่รู้ทุกสิ่ง เขาคาดเดาว่านางจะต้องเป็นธิดาของประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือ เหยียนต้วนหุน แม้ว่าระดับวรยุทธของนางจะถือว่าดีหากเทียบกับผู้อื่นในวัยเดียวกัน แต่ในนามแซ่เหยียน ระดับพลังของนางยังนับว่าต่ำไป แต่สำหรับพลังครอบงำจิตใจของนางนั้นยังไม่เคยได้ยินผู้ใดกล่าวถึง

สองวันต่อมา เมืองเหยียนหลง...อาณาจักรเทียนหลง

“....ท่านพี่ ร้อนจัง ข้าอยากอาบน้ำเย็นๆ ที่นี่ร้อนมากๆ” หนิงเสวี่ยใช้มือพัดตัวเอง หน้าผากนางหยดไปด้วยเหงื่อ

หลังจากเดินทางต่อเนื่องมามากกว่าหนึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองเหยียนหลง เมืองนี้ตั้งชื่อตามเทพปกปักษ์ในตำนานของอาณาจักรเทียนหลง เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟเทียนเม่ยมากที่สุด บริเวณนี้ไม่อาจพบหมู่บ้านเล็กๆเมื่อใกล้ลงไปทางใต้ เพราะยิ่งเข้าใกล้อุณหภูมิจากเพลิงยิ่งร้อนระอุ เมืองเหยียนหลงตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งผู้คนสามารถทนไหว แต่ยิ่งลงไปทางใต้ ก็เหลือแต่พวกประหลาดเท่านั้นที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมอันร้อนระอุ 
(โน๊ต: เหยียนหลงแปลว่ามังกรเพลิง)

เย่หวูเฉินมีภูมิต้านทานต่อธาตุทั้งห้า ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวสภาพแวดล้อมที่ร้อนระอุนี้ อุณหภูมิดังกล่าวไม่มีผลต่อทงซินเช่นกัน มีเพียงหนิงเสวี่ยเท่านั้นที่ทรมาน เท่าที่นางจำได้ นางอาศัยอยู่ทางตอนเหนือที่สภาพอากาศมักเย็นสบายเหมือนฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งชุดหิมะขาวของนางยังคล้ายดูหนาและกระชับไป ทำให้นางไม่อาจปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศร้อนได้ เย่หวูเฉินแอบรวมพลังธาตุน้ำเพื่อขับไล่ความร้อนให้นาง แต่เมื่อเขาใช้พลังของตัวเอง มันไม่ได้มีผลมากนัก และพลังของเขาจะถูกสูบกลืนอย่างรวดเร็ว หลังจากใช้พลังไม่กี่ครั้ง เขาก็ยอมแพ้ด้วยความเหนื่อยอ่อน

บนท้องถนนของเมืองเหยียนหลง บุรุษจำนวนมากเปลือยท่อนบนเผยหน้าอกของตน หากเป็นในเมืองเทียนหลง พวกเขาจะถูกจ้องมองโดยผู้คน แต่ในเมืองแห่งนี้พวกเขาคือคนส่วนใหญ่ สตรีที่ผ่านไปมาก็ไม่สนใจพวกเขา ราวกับว่าพวกนางคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้

อากาศทรมานบังคับผู้คนให้มีนิสัยแต่งกายอุจาด แต่สีหน้าพวกเขาไม่ได้ทรมานแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าการอาศัยอยู่ที่นี่หลายปีทำให้พวกเขาคุ้นชินกับอุณหภูมิ

“ท่านพี่ อาบน้ำกันเถอะ ขออาบน้ำนะๆ...” หนิงเสวี่ยบิดร่างในแขนของเย่หวูเฉินอย่างไม่อาจอดทน ขณะที่ขอร้องนางมองที่เขาอย่างน่าสงสาร หนิงเสวี่ยร้องว่าร้อนตลอดเวลา เขารู้สึกสงสารนาง ในที่สุดเขาก็พบที่พักบนข้างถนน พวกเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว หลังจากทรมานมานาน คนทั้งสามก็ได้เข้าห้อง ขณะที่เย่หวูเฉินกำลังปิดประตู หนิงเสวี่ยก็ถอดชุดออกเรียบร้อย นางเตะรองเท้ากับถุงเท้าออกไปเหลือเพียงชุดชั้นในตัวเล็กๆ นางยืนล่อนจ้อนอยู่ตรงนั้นรู้สึกสบายขึ้นมากในตอนนี้



<<<PREV    .    NEXT>>>