วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 188

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 188 สูญสิ้นมังกรเพลิงฟ้า (2)

ร่างสีดำหัวเราะแหบพร่าเหมือนปีศาจ หลบหลีกต่อต้านลูกไฟของมังกรเพลิงฟ้าอย่างต่อเนื่อง เสียงหัวเราะของมันยิ่งยโสอหังการ มังกรเพลิงฟ้ามีร่างกายอันมหึมา แต่พลังของมันตอนนี้ต่ำกว่าขอบเขตเทวะเพราะเหลือพลังเพียงหนึ่งในสิบส่วน ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันเกรงกลัวและซ่อนเร้นอยู่ในเงามืด แต่เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังของมังกรเพลิงฟ้าลดลงในฉับพลัน มันจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปได้อย่างไร

“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยคิด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา... ข้ายังคงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเจ้า เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าจากไปแล้ว แต่กลิ่นอายยังตกค้างหลงเหลืออยู่... กลับกลายเป็นว่า เจ้ายังคงซ่อนตัวอยู่ในทวีปเทียนเฉิน”

ตูม! ตูม! ตูม.....

แดงกับดำ เพลิงกับความมืดปะทะกัน เสียงกึกก้องกัมปนาทดังต่อเนื่อง ภูเขาไฟเทียนเม่ยพังทลายจนไม่เหลือสภาพเป็นภูเขาอีกต่อไป

หลังจากหยั่งเชิงเป็นเวลาสั้นๆ ร่างดำก็สิ้นความสงสัย มุมปากมันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอำมหิต เผชิญหน้ากับไฟบรรลัยโลกของมังกรเพลิงฟ้า มันไม่หลบเลี่ยงแต่ยกสองมือขึ้นรับเปลวไฟ วาดมือส่งพลังผ่านอากาศว่าง

ธาตุทมิฬทรงพลังเข้าปกคลุมท้องฟ้าในทันที ธาตุอัคคีถูกจำกัดจนสิ้นหาย ทันใดนั้น ปรากฎภาพกระบี่ขนาดมหึมา ใบกระบี่ลุกโชนด้วยเพลิงทมิฬจากขุมนรก กระบี่ฟาดใส่ร่างมังกรเพลิงราวสายฟ้า ธาตุทมิฬทิ้งรอยตัดในอากาศว่าง

เงากระบี่ได้หายไป มังกรเพลิงฟ้าที่ถูกฟันใส่อย่างเหี้ยมโหดร้องโหยหวน ร่างของมันพลิกตลบอยู่หลายรอบ หางมังกรมหึมาฟาดใส่ร่างเล็กๆสีดำ

เปรี้ยง....

การโจมตีที่สามารถทลายภูเขาให้ราบได้ กลับถูกร่างดำรับไว้ด้วยหนึ่งแขน ร่างดำถูกดันถอยไปมากกว่าสิบเมตร สองฝ่ายมีขนาดร่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง กระนั้นพลังก็ยังเทียบเทียมเสมอกัน มังกรเพลิงฟ้าสำเหนียกว่าวิกฤตชีวิตได้มาถึง มันใช้พลังทั้งหมดเป็นครั้งแรกในชีวิต มันรู้สึกสิ้นหวังอย่างชัดเจน แม้ตอนนี้อีกฝ่ายจะดูเหมือนมีพลังทัดเทียมกัน แต่แท้จริงแล้วมันกำลังสูญสิ้นพลังไปในทุกการเคลื่อนไหว

มันมอบพลังของตนให้กับเย่หวูเฉิน พลังในร่างของมันถูกใช้จนเกือบหมด ตอนนี้แม้ดูเหมือนมันยังทรงพลัง แต่แท้จริงมันกำลังฝืนใช้พลังชีวิตที่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับได้

ร่างดำนั้นผสานพลังระหว่างความมืดกับความตายเช่นเดียวกับทงซิน แต่หากเทียบกับทงซินแล้ว สัดส่วนของพลังนั้นต่างกัน พลังหลักของมันคือธาตุแห่งความมืด

มันทำให้มังกรเพลิงฟ้าอ่อนกำลังลงได้โดยง่าย ใช้พลังความมืดเข้าปะทะทอนพลัง เมืองเหยียนหลงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังเกิดแผ่นดินไหว แต่ผู้คนในเมืองดูคล้ายไม่สนใจเรื่องนั้น พวกเขามองไปทางใต้อย่างโง่งม ไม่ว่าใครก็เดาได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่พลิกตลบและคำรามนั้นคือมังกรเพลิงฟ้าในตำนาน... เป็นตำนานที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า พวกเขาเดาได้ว่ามันกำลังต่อสู้กับศัตรูที่ไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน ศัตรูนั้นย่อมเป็นเจ้าของแสงสีดำที่ปะทะกับเปลวเพลิง

หนึ่งบุคคลกับหนึ่งมังกร ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำพูด พวกมันปะทะพัวพันกัน มันทั้งสองคือศัตรู จะไม่หยุดจนกว่าจะตกตาย จะไม่มีการอ่อนข้อยอมความ เมื่อร่างดำปรากฎขึ้น เป้าหมายเดียวของมันคือมังกรต้องดับดิ้น

ตูม!!

แผ่นดินสะเทือนรุนแรงอีกครั้ง ในที่สุดมังกรเพลิงฟ้าก็หมุนควงลงจากฟ้า ฟาดหางใส่ร่างดำปลิวไปไกล มังกรทะยานร่างขึ้นฟ้าอีกครั้ง คำรามสะท้านจนมวลเมฆเคลื่อนออกไป ร่างของมันค่อยๆเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วง

ร่างดำใบหน้าโอ่อ่าขึ้น มันใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งไปเบื้องหน้า เพิ่มพลังจนถึงระดับสูงสุด และโจมตีใส่ร่างของมังกรเพลิงฟ้า

มังกรเพลิงฟ้าบิดร่างด้วยความเจ็บปวด มันยังคงไม่หลบเลี่ยงและจู่โจมกลับ หลังจากที่ถูกพลังจนถอยไปหลายพันเมตร ร่างของมันก็กลายเป็นเพลิงสีม่วงลุกปะทุท่วมร่าง

ร่างดำดวงตาหดลีบลงอย่างรุนแรง มันไม่ลังเลแม้แต่น้อยและใช้ความเร็วสูงสุดหลบพุ่งไปด้านซ้าย เวลาเดียวกันม่านพลังสีดำก็กางกั้นไว้รอบร่าง

โฮก!!!

เสียงมังกรโหยหวนดังก้องไปทั่วดินแดนตอนใต้ของอาณาจักรเทียนหลง เป็นเสียงมังกรเพลิงฟ้าที่ร้องครวญด้วยสิ้นหวังสุดแสน มันมองผืนแผ่นดินที่เคยปกป้องมานานเป็นครั้งสุดท้าย ร่างของมันระเบิดออกด้วยเสียงดังกัมปนาท...

ลำแสงสีม่วงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจรดฟ้า ด้านล่างพุ่งลงจรดดิน ราวกับจะเชื่อมสวรรค์และปฐพีเข้าด้วยกัน ผู้คนในเมืองเหยียนหลงต่างตะลึงโง่งม พวกเขาเห็นมังกรเพลิงฟ้าระเบิดร่างตัวเอง เศษชิ้นของร่างมังกรและเสียงโหยหวนสิ้นหวังสะท้านสะเทือนทุกหัวใจผู้คน พวกเขากระทั่งลืมแผ่นดินไหวที่แรงจนแทบจะแยกแผ่นดินออก

มังกรเพลิงฟ้ากลับสูญสิ้นไปแบบนี้ ไม่มีใครเคยเห็นจุดกำเนิดของมัน แต่วันนี้ผู้คนมากมายได้เห็นจุดจบน่าสังเวทของชีวิตมัน ลำแสงเพลิงม่วงขนาดใหญ่ปลดปล่อยเพลิงผลาญพลังชีวิตที่เหลืออยู่และตัวมันให้สูญสลายไป แผดเผาไหม้อยู่เป็นเวลานาน....

ตรงตำแหน่งที่มังกรเพลิงฟ้าได้ระเบิดร่าง มีมุกสีแดงร่วงลงสู่เหวลึกที่เกิดจากการระเบิด

แสงทมิฬที่หุ้มร่างดำดูสว่างขึ้น ร่างของมันสั่นสะท้านเล็กน้อย ลมหายใจดูสับสน เมื่อมันเห็นมุกนั้นร่วงลงไป มันพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงสุดคว้ามุกไว้ในมือ

“มุกมังกรอัคคี... ต้นกำเนิดพลังของมังกรเพลิงฟ้า ด้วยสิ่งนี้ พลังของข้าจะฟื้นคืนกลับมาและแกร่งกล้ายิ่งขึ้น...” มันหัวเราะภาคภูมิใจในตนเองขณะที่ถือมุกสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือ ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบลื่น มันคว้าโอกาสที่สวรรค์ประทานนี้เอาไว้ ทำลายศัตรูที่เคยเป็นอุปสรรคของมัน และจะเป็นอุปสรรคในวันหน้า ในที่สุดมันก็ได้มุกเม็ดนี้

มันลอยอยู่บนฟ้า มองไปยังทางเหนือ เผยความคิดชั่วร้ายขณะพึมพำ “ข้าจะต้องไม่ตาย... ต่อให้ข้าสูญเสียทุกสิ่ง ข้าก็จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ พวกมันจะต้องตกตาย พวกมันที่ทำร้ายข้า ก่อนที่ข้าจะทำให้พวกมันทั้งหมดดับดิ้น... ใครก็ไม่อาจสังหารข้าได้!”

เมื่อสิ้นเสียงนั้นลง มันได้หายไปในกลุ่มแสง ไม่ทราบว่าหายไปอยู่หนใด

ราวกับถูกกระแสไฟฟ้า เย่หวูเฉินหยุดเท้าในทันที แต่หนิงเสวี่ยและทงซินนั้นราวกับนัดกันมา จู่ๆพวกนางก็หันหน้ามองไปยังทางทิศใต้

“เสวี่ยเอ๋อร์... เจ้าพบอะไร?” เย่หวูเฉินระงับหัวใจที่เต้นรัว จากนั้นถามอย่างสงสัย

ใบหน้าหนิงเสวี่ยเต็มไปด้วยความสับสนและสงสัย นางครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นส่ายศีรษะและกล่าว “แปลกจริงๆ เมื่อครู่นี้ราวกับมีบางสิ่งที่คุ้นเคย ทั้งยังทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวแผ่มาจากทางทิศนั้น ข้าไม่รู้ว่าทำไม... นี่มันแปลกมากๆ ท่านพี่รู้รึเปล่าว่าทำไม?”

ทงซินหันมามองเย่หวูเฉินด้วยสีหน้าสับสนด้วยเช่นกัน

เย่หวูเฉินกลายเป็นเงียบงัน จากนั้นยิ้มและส่ายศีรษะ “อาจเป็นความรู้สึกที่เข้าใจผิดไป ในเมื่อพวกเราไม่รู้สาเหตุ เช่นนั้นก็อย่าคิดถึงมันเลย”

“อื้ม” หนิงเสวี่ยตอบและหลับตาลงอีกครั้ง งีบหลับในอ้อมแขนของเขา

สูญสิ้นมังกรเพลิงฟ้า... เย่หวูเฉินไม่อาจสงบความคิดได้ กระทั่งฝีเท้าของเขายังหนักหน่วงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถ้อยคำของมังกรเพลิงฟ้าในขณะสุดท้ายของชีวิตมัน ได้ดังขึ้นและวนเวียนในจิตใจของเขา

ห้าวันหลังจากนั้น

กระแทกกระเทือนมาตลอดทาง ในที่สุดเย่ฉุ่ยเหยาก็มาถึงเมืองเทียนฟงซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าฟง ตลอดการเดินทางนางไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ เมื่อเหล่าสาวใช้เข้าใกล้ พวกนางต่างรู้สึกถึงความเย็นชาไร้หัวใจจากนาง

อาณาจักรต้าฟง... อาณาจักรที่ไม่เคยคุ้น... บรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย... ความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน... ชั่วชีวิตนี้นางจะไม่ได้กลับไปบ้านเกิดอีกแล้ว นางยังคงเย็นชาและเก็บตัว แต่ตอนนี้นางเดียวดายไร้ที่พึ่งพิง ราวกับว่าโลกทั้งใบได้ทอดทิ้งนาง

ฟงหลิงที่รอคอยอย่างทรมานมาหลายวัน เขาออกมารอต้อนรับนางนอกเมืองด้วยตัวเอง ราชวังนั้นอยู่ลึกเข้าไปในเมืองอย่างมาก ฟงหลิงที่ไม่ค่อยเผยความรู้สึกของตัวเองออกมา ยามนี้ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข หากไม่ใช่เพื่อรักษาเกียรติภูมิระหว่างอาณาจักร เขาคงไปรับตัวนางมาด้วยตนเอง เย่ฉุ่ยเหยาก้าวลงมาจากรถม้า เผชิญกับใบหน้าหลากหลายที่ไม่คุ้นเคย นางไม่ได้ดูตื่นเต้นหรือเสียจิตใจ กลับกันนางเชิดศีรษะสูงขึ้น มองพวกเขาด้วยความยโส เพียงความสูงของนาง ก็ทำให้พวกขุนนางร่างปานกลางต้มก้มศีรษะลงไม่รู้ตัว

ฟงหลิงกำลังจะส่งแขนเพื่อพยุงนาง แต่นางปราดตามองอย่างเย็นชา เขาจึงดึงมือกลับและขยับออกด้านข้าง ส่งรอยยิ้มนุ่มนวลมองไปที่นาง ในตอนนั้นเพราะความเย็นชา , ความสง่าและห่างเหิน รวมทั้งความงามเหนือล้ำที่ดึงดูดเขาได้ในทันที เขาเชื่อว่าขอเพียงใช้เวลาไม่นานนัก เขาจะทำให้นางยอมรับได้ในเร็ววัน

ความสง่างามของเย่ฉุ่ยเหยาทำให้ดวงตาหลายคู่แทบถลน หัวใจหลายดวงต้องตะลึงค้าง พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังมองเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ ความสงสัยกลายเป็นความชื่นชมและยอมรับ องค์รัชทายาทละทิ้งทุกสิ่งเพื่อหนึ่งสตรี ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดรัชทายาทถึงได้ลุ่มหลงสตรีจากอาณาจักรเทียนหลงนัก กระทั่งโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าฟง...ยังงดงามห่างชั้นกว่านางถึงสามเท่า

ในวันนั้น เย่ฉุ่ยเหยาพำนักในศาลาเหยาฟงที่ฟงหลิงจัดเตรีมไว้ให้สำหรับนาง เนื่องจากเขาทราบนิสัยของนางแล้ว ฟงหลิงจึงไม่จัดงานเลี้ยงต้อนรับใดๆ เขายังไม่อนุญาตให้ใครรบกวนนาง ภายในนั้นมีสาวใช้เพียงไม่กี่คน และเขาให้พวกนางคอยรออยู่ด้านนอก และเข้าไปได้เพียงเฉพาะเมื่อถูกเรียก ห้องนอนในนั้นแทบจะตกแต่งเหมือนกับห้องของนางที่ตระกูลเย่ ฟงหลิงเค้นสมองคิดหาวิธีเพื่อให้นางปรับตัวเข้ากับที่แห่งนี้ได้เร็วที่สุด และให้นางรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน

เพราะรู้ว่านางชอบวาดภาพ เขาจึงเตรียมกระดาษวาดชั้นยอดจำนวนมากไว้ด้านใน  รวมไปถึงพู่กันและสีย้อมแห่งอาณาจักรต้าฟง หลังจากที่เขากลับมายังอาณาจักร ความคิดแทบทั้งหมดล้วนเพื่อเย่ฉุ่ยเหยา ในหนึ่งชีวิต ผู้คนจะบ้าบิ่นเป็นบางครั้ง อุทิศตัวเป็นบางครั้ง ความบ้าบิ่นและอุทิศตัวของฟงเลี่ยคือทะเยอทะยานปกครองโลกหล้าทั้งใบ ส่วนสำหรับฟงหลิงนั้นมอบให้กับสตรี

ขณะที่เย่ฉุ่ยเหยาไปถึงเมืองเทียนฟง เย่หวูเฉินก็กำลังกลับมาถึงเมืองเทียนหลง



<<<PREV    .    NEXT>>>