วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 184

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 184 เลื่อนระดับ

“ถ้าอย่างนั้น นางได้บอกที่มากับเจ้าหรือเปล่า?” เย่หวูเฉินถาม

“ที่มา? ไม่นะ” หนิงเสวี่ยตอบอย่างงุนงง “แต่วันนั้นเซียงเซียงบอกบางอย่างกับข้าที่แปลกมาก อืม.... แต่ข้าจำไม่ได้แล้ว”

วันนั้นนางไม่เข้าใจถ้อยคำทั้งหมด ดังนั้นนางจึงไม่สนใจพวกมัน หลายวันที่ผ่านมา นางเอาใจใส่เฉพาะเย่หวูเฉินทุกวัน ภาวนาให้เขาตื่นขึ้นมาเร็วๆ ดังนั้นนางจะจำถ้อยคำพวกนั้นได้อย่างไร? เย่หวูเฉินไม่ถามต่อ เพียงแต่ยิ้มและกล่าว “ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าจำไม่ได้ก็อย่าคิดถึงมันเลย รอจนวันหนึ่งที่เซียงเซียงน้อยพูดได้ นางจะบอกกับพวกเราเอง”

“อิย๊า?” เซียงเซียงเอียงศีรษะถาม แม้ว่าเย่หวูเฉินจะไม่เข้าใจคำถามของนาง แต่นางสามารถเข้าใจถ้อยคำของพวกเขา สิ่งที่นางถามก็คือ... ทำไมท่านถึงอยากรู้?

“วิหารสาบสูญ... ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของมันแล้ว...” เสียงของมังกรเพลิงฟ้าดังขึ้นในใจของเย่หวูเฉิน เขามองที่เซียงเซียงและคิด ‘หรือว่ามังกรเพลิงฟ้าส่งพวกเรามาที่นี่เพราะเจ้าตัวนี้? แต่พวกเราจะกลับกันอย่างไรเล่า? ที่นี่คืออาณาจักรคุยชุย หรือจะให้พวกเราบุกป่าฝ่าดงกลับไปที่อาณาจักรเทียนหลง? แล้วทำไมวิหารสาบสูญต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วย เหตุใดถึงมีเพียงจิ้งจอกมังกรที่อาศัยอยู่ที่นี่?’

เงื่อนงำที่ไร้คำตอบปรากฎขึ้นในจิตใจทีละอย่าง เย่หวูเฉินรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่มีมนุษย์คนใดล่วงล้ำเข้ามาได้ จิ้งจอกน้อยตัวนี้ได้ทำให้เขากลายเป็นเจ้านาย บอกเป็นนัยว่าเขาเกี่ยวข้องกับมิติของโลกอื่น บางทีอาจเป็นลิขิตชะตาที่มังกรเพลิงฟ้าได้พูดถึง เมื่อเป็นเช่นนั้น เส้นทางแบบไหนที่กำลังรอเขาอยู่?

“ท่านพี่ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน? ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พวกเรากลับบ้านได้ไหม?” หนิงเสวี่ยดึงมือและถามด้วยใบหน้าน่าสงสาร

มือหนึ่งจูงหนิงเสวี่ยและอีกมือจูงทงซิน เย่หวูเฉินยืนขึ้นแหงนหน้ามองฟ้าที่ได้มืดลง “พวกเราจากบ้านมาหนึ่งเดือนเต็ม ตอนนี้ถึงเวลากลับบ้านแล้ว”

หนึ่งเดือน...พระจันทร์เต็มดวงได้ล่วงผ่านไปแล้ว เขายังคงปลอดภัยและผ่านวิกฤตมาได้ในช่วงไม่กี่วัน เป็นเพราะว่าเขาหมดสติอยู่หรือจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น?

เขาหลับตาลง พยายามครุ่นคิดอย่างหนัก หากมังกรเพลิงฟ้าสามารถส่งพวกเขามาที่นี่ได้ เช่นนั้นมันต้องมีวิธีพาพวกเขากลับไป มันรั้งรออยู่ที่เดิมย่อมแสดงว่า...

ขณะนั้นเอง เขาพบว่ามีพื้นที่สีแดงในเบื้องลึกของสติที่ไม่ควรปรากฎอยู่ ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามันคือเศษเสี้ยววิญญาณของมังกรเพลิงฟ้า มันคือสิ่งที่หลงเหลืออยู่เมื่อมังกรเพลิงฟ้ามอบ ‘เนตรวิญญาณ’ ให้กับเขา

“เซียงเซียงกลับมา” เย่หวูเฉินกล่าวในทันที

บนไหล่ของเขา เซียงเซียงงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดนางก็เข้าใจ ร่างของนางลอยขึ้น เคลื่อนติดแน่นที่ร่างของเย่หวูเฉิน ราวกับควันที่ซึมเข้าไปในร่างกาย ขณะเดียวกันนั้นเอง มีร่างสาวน้อยตัวจ้อยนอนอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจเขา

เขาจับหนิงเสวี่ยกับทงซินไว้แน่นแล้วกล่าว “ทงซิน คุ้มกันเสวี่ยเอ๋อร์ด้วยม่านพลังกันความร้อน”

ทงซินพยักหน้า ตอบรับคำสั่งโดยแผ่ม่านพลังโปร่งแสงล้อมรอบร่างกายหนิงเสวี่ย เย่หวูเฉินเพ่งสมาธิในจิตใจ จากนั้นตะโกนบอกเศษเสี้ยววิญญาณของมังกรเพลิงฟ้า “ส่งพวกเรากลับไป!”

ไกลออกไปที่ภูเขาไฟเทียนเม่ย มังกรเพลิงฟ้าลืมตาขึ้น ตอนนี้ที่เย่หวูเฉิน คนทั้งสามร่างกายห่อหุ้มด้วยแสงสีแดง พวกเขาหายตัวไปจากดินแดนสาบสูญลึกลับในเวลาเดียวกัน

นี่คือครั้งแรกที่เย่หวูเฉินเหยียบเท้าลงบนดินแดนสาบสูญแห่งนี้ แต่ความน่ากลัวที่เขาได้พบเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของดินแดนสาบสูญแห่งอาณาจักรคุยชุยเท่านั้น

เบื้องหน้าพวกเขาตอนนี้ปรากฎเป็นทะเลม่วง ลาวาม่วงเดือดพล่านอย่างรุนแรง ราวกับสัตว์อสูรดุร้ายที่คิดทำลายทุกชีวิตที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาปรากฎตัว ศีรษะขนาดมหึมาของมังกรเพลิงฟ้าก็ชูสูงอยู่กลางทะเลม่วงแล้ว มันระเบิดเสียงหัวเราะที่สะท้านถึงจิตใจ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า... นั่นยังไง นั่นยังไง! ข้าเห็นแล้ว แม้ว่าเทพแห่งโชคจะเป็นใจให้เจ้าเหลือเกิน แต่เจ้าก็ถูกมันยอมรับแล้ว เจ้าคือคนผู้นั้นอย่างแน่นอน...”

“คำทำนายของท่านแม่นยำยิ่งนัก ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้าต่อจากนี้?” เย่หวูเฉินถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ว่ามันมีเหตุผลหรือเจตนาใด ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

“ไม่! เดิมทีการทำนายเป็นการฝ่าฝืนกฎแห่งสวรรค์ หากฝ่าฝืนกฎสวรรค์ย่อมต้องถูกลงทัณฑ์ อายุขัยของข้าสั้นลงกว่าห้าหมื่นปี และข้าไม่อาจมองเห็นสิ่งใดมากไปกว่านี้ สิ่งที่เจ้าจะต้องเผชิญต่อไป หรือเส้นทางที่เจ้าจะก้าวเดินต่อ ข้าไม่อาจทราบได้ ไม่มีผู้ใดทราบได้ สิ่งเดียวที่ข้าแน่ใจในตอนนี้คือเจ้าเป็นคนผู้นั้น ในเมื่อเจ้าต้องการดูดซับพลังของที่นี่ เช่นนั้นข้าก็จะมอบพลังให้กับเจ้า!”

แม้ว่าเย่หวูเฉินเพียงยืนอยู่โดยไม่ขยับ พลังจิตปราณแห่งสวรรค์และปฐพีก็พุ่งทะลักเข้าร่างอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่จิตปราณจากสวรรค์และปฐพี แต่เป็นจิตปราณของมังกรเพลิงฟ้า เนื่องจากมังกรเพลิงฟ้าเป็นต้นกำเนิดพลังธาตุไฟของที่นี่ มันจึงปลดปล่อยจิตปราณแห่งสวรรค์และปฐพี ภูเขาไฟเทียนเม่ยไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากแต่เกิดจากมังกรเพลิงฟ้าที่อาศัยอยู่เป็นเวลานาน ภูเขาไฟค่อยๆก่อร่างขึ้นจากพลังมหาศาลของมัน หากว่ามันจากไป ความร้อนของภูเขาไฟเทียนเม่ยย่อมสูญสลายลง

มังกรเพลิงฟ้าไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ถาม “ให้พวกนางออกไป ไม่อย่างนั้นพวกนางจะบาดเจ็บ”

เย่หวูเฉินไม่ลงเล เขาหันร่างไปแล้วกล่าว “ทงซิน เร็วเข้า รีบพาเสวี่ยเอ๋อร์กลับไปรอข้าที่เมืองเหยียนหลง แล้วข้าจะรีบตามกลับไป”

“ท่านพี่ ท่านต้องระวังตัวให้มากและรีบกลับมาไวๆนะ” หนิงเสวี่ยไม่ฝืนรั้งอยู่ นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและถูกทงซินอุ้มบินจากไปอย่างรวดเร็ว

ราวกับพายุถาโถม ทะเลลาวาเริ่มเกรี้ยวกราด จากแตกกระจายสูงไม่กี่เมตรกลายเป็นสูงสิบเมตร ด้วยรูปแบบที่น่าประหลาดตา

“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?” เย่หวูเฉินเผชิญหน้ากับมังกรเพลิงฟ้าและถามอย่างสงบ

“ข้าไม่รู้ เจ้ามาจากไหนนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

“ถ้าอย่างนั้นท่านรู้เกี่ยวกับนางหรือไม่?” เย่หวูเฉินถามอีกครั้ง “นาง” ที่เขาถามถึงคือจิ้งจอกมังกร เซียงเซียง

“พลังแกร่งกล้าของมันทำให้ข้าต้องสั่นด้วยความกลัว ข้ารับรู้การคงอยู่ของมันเมื่อนานมาแล้ว มันดำรงอยู่มาก่อนข้า ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินย่อมไม่อาจรู้ถึงที่มาของมัน บางที กระทั่งมันเองก็อาจไม่ทราบที่มาของตัวมัน” มังกรเพลิงฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก ลาวาโดยรอบยิ่งกราดเกรี้ยวรุนแรงยิ่งขึ้น

“เช่นนั้นจากที่ท่านทำนาย มันคือตัวอะไร? และมันมีความสำคัญอย่างไร?” เย่หวูเฉินถามด้วยคิ้วขมวดมุ่น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าถามได้ดี ทุกๆสิ่งย่อมมีความสำคัญในตัวมันเอง... ข้าไม่รู้ ข้ารู้แต่ว่าข้าถูกอย่างแน่นอน เพราะมันคือชะตาของข้า ทวีปเทียนเฉินไม่ได้สงบสุขเหมือนที่เจ้าคิด สงครามระหว่างมนุษย์ช่างน่าหัวเราะและไม่ใช่เรื่องสำคัญ เมื่อเทพสงครามที่แท้จริงลงมา ทวีปเทียนเฉินจะกลายเป็นกระจกบาง พร้อมจะแตกเพียงแค่แตะสัมผัส ข้าสามารถเพิกเฉยต่อชีวิตของมนุษย์และสัตว์ แต่ข้าไม่อาจเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของทวีปเทียนเฉิน สถานที่แห่งนี้ อย่างไรเสียก็เป็นที่ๆข้าเกิด”

เย่หวูเฉิน “.......”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สิ่งใดให้มากความ เพราะสิ่งที่ข้าพูดอาจเกิดขึ้นทันทีหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย ตอนนี้ จงรับพลังที่เจ้าปรารถนา... ข้าสืบสายมาจากสวรรค์และปฐพี พลังของเจ้าก็เกิดจากสวรรค์และปฐพีเช่นเดียวกัน แต่เจ้ามีพลังสูงชั้นกว่า สมบูรณ์กว่า และบริสุทธ์กว่าเมื่อเทียบกับของข้า มันทรงพลังอย่างยิ่ง เมื่อสวรรค์และปฐพีมอบพลังให้กับเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน เตรียมตัวรับพลังจากข้า!”

ลาวาเดือดพล่านรุนแรงยิ่ง ราวกับมันพร้อมระเบิดขึ้นทุกเวลา ภูเขาไฟเทียนเม่ยกำลังสั่นสะเทือนไปทั้งลูก พสุธาเริ่มเคลื่อนปฐพีเริ่มแยกออกจากกัน เมื่อเสียงของมังกรเพลิงฟ้าหยุดลง คลื่นเพลิงสะท้านโลกเข้าห่อหุ้มทั่วร่างของเย่หวูเฉิน บดบังสายตา นอกจากสีม่วงบริสุทธิ์เบื้องหน้าก็ไม่เห็นสิ่งใด

พลังทะลักทลายเข้าร่างด้วยความเร็วสูงยิ่ง รวดเร็วจนรู้สึกร่างกายแทบระเบิดออก เย่หวูเฉินกัดฟันอยู่นิ่งไม่ไหวติง จิตปราณแห่งสวรรค์และปฐพีจากมังกรเพลิงฟ้าแท้จริงไม่ได้บริสุทธิ์ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงถูกกันออกไปจากร่าง ส่วนน้อยเท่านั้นที่ไหลบ่าเข้ามาเพิ่มพลังให้เขาอย่างรวดเร็ว

ทงซินและหนิงเสวี่ยที่บินอยู่รู้สึกถึงความร้อนจากเบื้องหลัง ทันใดนั้นอุณหภูมิโดยรอบก็ร้อนแรงขึ้น พวกนางหันศีรษะไปมองและพบว่าภูเขาไฟเทียนเม่ยจากเดิมทีที่เป็นสีแดง ตอนนี้มันได้กลายเป็นสีม่วง ตรงยอดของภูเขาไฟมีเพลิงม่วงเผาพลาญสว่างเจิดจ้า

ไม่ใช่เฉพาะพวกนาง กระทั่งเมืองเหยียนหลงที่ห่างออกไปมากกว่าสิบลี้ยังรู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้คนเริ่มส่งเสียงร้องออกมาไม่ขาดสาย ทันใดนั้นแทบทุกคนวิ่งออกมาจากบ้านและมองไปยังภูเขาไฟเทียนเม่ย พวกเขาพากันตกตะลึงเพราะมันได้กลายเป็นสีม่วง

ในตระกูลหนานกง ปรากฎเพลิงขนาดใหญ่ลุกท่วม

5 นาที... 10 นาที... 20 นาที...

เปรี้ยง!

เกิดเสียงลั่นเบาๆในใจ พลังหวูเฉินในที่สุดก็เลื่อนขึ้นจากขั้นสองไปสู่ขั้นสาม พลังยิ่งสมบูรณ์ , บริสุทธิ์ขึ้น และลึกล้ำขึ้น ขณะที่พลังหมุนวนโคจรอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกผ่อนคลายทำให้เขาเงยศีรษะและกางแขนออกรับพลังจากมังกรเพลิงฟ้าอย่างต่อเนื่อง

เดิมทีหากเขาดูดซับพลังด้วยตัวเองจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันถึงจะสามารถบรรลุพลังขั้นสาม ตอนนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาที ความเร็วเหนือล้ำกว่ากันไม่รู้กี่เท่า

30 นาที... 40 นาที... หนึ่งชั่วโมง...

ความร้อนยิ่งยวดราวหายนะแผดเผาร่างกายและจิตใจของผู้คนในเมืองเหยียนหลง ความร้อนได้แตะระดับที่พวกเขาไม่อาจทานทนไหว พวกเขาไร้จิตใจจะทำสิ่งใด นอกจากทำทุกอย่างเพื่อลดความทรมาน แต่หายนะที่ปรากฎขึ้นฉับพลันยังไม่ยอมหายไป ผู้คนเริ่มด่าทอ , ถอนหายใจ และสาปแช่ง...

ในที่สุดเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ภูเขาไฟเทียนเม่ยก็ค่อยๆเปลี่ยนสี จากสีม่วงกลายเป็นสีม่วงจาง จากนั้นกลายเป็นสีแดงที่คุ้นเคย... แต่มันไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น มันจางลงจนกระทั่งกลายเป็นสีแดงจาง ไม่ใช่สีแดงเข้มเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป อุณภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง ลดลงจนกระทั่งพวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคย



<<<PREV    .    NEXT>>>