วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 170

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 170 มารเสน่ห์ , นางจิ้งจอก!

บ้านหมอกฝัน

“ตระกูลเย่ยอมรับแล้ว เย่ฉุ่ยเหยาสมควรถูกบังคับให้ยอมรับ เมื่อ 45 นาทีก่อนฟงหลิงและฟงเฉาหยางเดินทางกลับไป พวกเขาบรรลุข้อตกลงกับหลงหยิน องค์หญิง เรื่องนี้พวกเราจะเข้ายุ่งเกี่ยวด้วยหรือไม่?”

ฉุ่ยเมิ่งฉานเงียบอยู่เป็นเวลานาน คิ้วของนางมุ่นเล็กน้อย ริมฝีปากงดงามขยับกล่าว “ไม่จำเป็น ข้อตกลงของเรากับเย่หวูเฉินคือคุ้มครองความปลอดภัยของผู้คนในตระกูลเย่ พวกเราต้องไม่ให้ใครรู้ และไม่แทรกแซงเรื่องของพวกเขา”

หลิงเอ๋อร์ผงกศีรษะ วางแขนลงข้างลำตัวและรอฟังต่ออย่างสงบ

“อันที่จริง... ท่าทีประหลาดของอาณาจักรคุยชุยสมควรเป็นเพราะสำนักจักรพรรดิเหนือ พวกมันรู้ว่าพวกเราแทรกซึมอาณาจักรเทียนหลง ดังนั้นพวกมันจึงสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา”

หลิงเอ๋อร์กล่าว “ทั้งสองฝ่ายล้วนตระหนักถึงเรื่องนี้ดี แต่ต่างฝ่ายก็ไม่อาจขุดคุ้ยเรื่องของกัน ไม่อย่างนั้น สำนักจักรพรรดิเหนือคงไม่อาจหลีกเลี่ยงข้อครหาว่าเข้าครอบงำอาณาจักรคุยชุย โยนเรื่องทุกอย่างว่าเป็นการตัดสินใจของอาณาจักรคุยชุย และไม่เกี่ยวข้องกับพวกมัน พวกมันไม่รู้ว่าเราแทรกซึมอาณาจักรเทียนหลงไปมากเพียงใด เช่นเดียวกัน พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันแทรกซึมอาณาจักรคุยชุยไปถึงระดับไหน องค์หญิง พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

“อาณาจักรคุยชุยย่อมไม่กระทำเรื่องโง่เขลา ในเมื่อสำนักจักรพรรดิเหนือกล้าทำเช่นนี้ พวกเราสำนักจักรพรรดิใต้ก็จะตอบโต้พวกมัน” ฉุ่ยเมิ่งฉานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ถ่ายทอดคำสั่งข้าให้ฉุ่ยสื่อ ให้นางส่งข้อความถึงท่านพ่อ บอกเขาว่าตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป หากอาณาจักรต้าฟงคิดจะเริ่มทำสงครามกับอาณาจักรเทียนหลง พวกเราจะส่งคำเตือนถึงอาณาจักรต้าฟง และบางที... อาจจะกำจัดหลงหยินทิ้ง”

“เจ้าค่ะ!”

.............................................

เข้าสู่ยามค่ำคืน พระจันทร์ลอยสูงสง่าฟ้า สงบเงียบไร้เสียงสายลม

“ท่านพี่ อีกนานแค่ไหนพวกเราจึงจะไปถึงที่หมาย?” หนิงเสวี่ยถามขณะซุกตัวกลับเข้าไปในผ้าห่ม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ แต่ตราบใดที่มีพี่ชายอยู่ข้างนาง นางก็รู้สึกเหมือนกับได้อยู่บ้าน

“พวกเราจะถึงจุดหมายในอีกสองวัน” เย่หวูเฉินกล่าวขณะที่ยืนอยู่ข้างเตียงและมองทางทิศใต้ วันนี้เป็นวันที่ 19 นับตั้งแต่เดินทางออกจากเมืองเทียนหลง เขาคำนวณนับเวลาอยู่ทุกวัน

“พอพวกเราไปถึงที่หมาย และเมื่อท่านพี่ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว พวกเราจะกลับกันเลยใช่ไหม?”

“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” เย่หวูเฉินยิ้มและกล่าว เขาหลับตาลงครึ่งหนึ่งและครุ่นคิดอยู่เงียบๆ เมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้าน เขาควรจะไปที่ไหนต่อ? เขาจำเป็นต้องหาสถานที่สุดขั้วเช่นเดียวกับภูเขาไฟเทียนเม่ย ซึ่งสามารถละลายผู้คนที่เข้าใกล้ได้ เป็นสถานที่ร้อนที่สุดในทวีปเทียนเฉิน สถานที่ใดจะมีพลังแห่งธาตุน้ำ , ลม , สายฟ้า และ ดิน หนาแน่นเช่นเดียวกับสถานที่แห่งนี้

“อ๊า...”

เสียงร้องอุทานดังขึ้น มีเสียงคล้ายหอบหายใจตามมาด้วยเสียงบางอย่างพังพาบลง เย่หวูเฉินตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิด “พวกเจ้าสองคนนอนกันก่อน ข้าจะออกไปดูหน่อย”

หลังจากเปิดกระโจมออกมาดู เย่หวูเฉินก็พบว่ากระโจมของเมิ่งจื่อพังพาบลง เมิ่งจื่อโน้มเอวลงมือไม้เงอะงะ นางพยายามตั้งกระโจมอีกครั้ง ภายใต้แสงจันทรา ร่างที่ก้มอยู่ของนางกลายเป็นส่วนโค้งสวยงาม เมื่อเห็นเย่หวูเฉินเดินออกมา ใบหน้านางเรื่อสีชมพูจางๆอันยากจะมองเห็น นางหยุดสิ่งที่กำลังทำและยืนอยู่ตรงนั้นเลิกลั่ก

เย่หวูเฉินอดยิ้มไม่ได้ เขากล่าวอย่างซุกซน “นางเซียนเมิ่งผู้งดงาม ให้ข้าจัดการเรื่องนี้ให้กับท่านเถอะ”

เขาไม่รอให้เมิ่งจื่อตอบและเดินเข้าไปตั้งกระโจมขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เมิ่งจื่อมองทุกความเคลื่อนไหวของเขา มองตามติดอย่างไม่ละสายตา ใบหน้าของนางยังคงคลุมไว้ด้วยผ้าขาว มีเพียงครั้งแรกที่พบกับเสวี่ยเฟยเยี่ยนที่นางเผยโฉมหน้าที่แท้จริง เมื่อนางรู้ตัวว่าเผลอทำผิดก็สายไปแล้ว นางไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่ ถึงได้เผยโฉมหน้าแท้จริงต่อคนแปลกหน้า เหตุใดนางจึงเผยตัวตนง่ายดายเมื่อถูกกระตุ้นยั่ว ตอนนั้นนางคิดอะไรอยู่กันแน่?

เย่หวูเฉินหันมาแล้วกล่าว “นางเซียนเมิ่ง วันหน้าหากท่านจะเตะผ้าห่มตัวเอง ท่านอย่าได้รุนแรงนัก หากท่านออกแรงเตะมากเกินไปกระโจมจะพังเอา... โอ้? ไม่สิ ดูจากจุดที่มันพัง ดูเหมือนท่านคงเอาศีรษะโขกโดยบังเอิญตอนที่กำลังจะออกไป ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ท่านจะออกไปไหนหรือ?”

เมิ่งจื่อกัดริมฝีปากและไม่ยอมพูด ใบหน้าพาดด้วยริ้วแดง นางแค่นเสียงเบาแล้วกล่าว “ท่านจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอว่าข้าจะไปไหน?”

ถูกเขาเรียกว่า ‘นางเซียน’ มาตลอดหลายวัน นางเคยประท้วงมาแล้วหลายครั้ง และเขาก็ไม่เคยให้ความร่วมมือ ดังนั้นตอนนี้นางไม่สนใจใดๆอีก

“ถูกต้อง ที่จริงข้าไม่สิทธิ์ถามว่าท่านจะทำอะไร แต่ท่านต้องไม่ลืมว่าท่านติดค้างชำระหนี้ข้าอยู่  20 ล้านตำลึงเงิน”

“โอ้ ใช่ มารเสน่ห์ไปไหนแล้ว? ทำไมข้าไม่เห็นนาง?” เย่หวูเฉินมองไปรอบๆด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่ามารเสน่ห์หมายถึงเสวี่ยเฟยเยี่ยน เพราะว่ามีกระโจมเพียงแค่สองหลัง เสวี่ยเฟยเยี่ยนอ้อนวอนขอร่วมเตียงกับเขาแต่ก็ไร้ประโยนช์ สุดท้ายนางถูกบังคับให้นอนกับเมิ่งจื่ออย่างไม่เต็มใจ แม้ว่าเมิ่งจื่อขัดใจอย่างยิ่ง แต่นางก็ไม่มีทางเลือกเนื่องจากเจ้าของที่พักชั่วคราวคือเย่หวูเฉิน

เขากังวลว่าเมิ่งจื่อจะหนี แต่เขาไม่สนใจว่าเสวี่ยเฟยเยี่ยนจะจากไป ระหว่างที่ร่วมทางกันมาไม่กี่วัน เสวี่ยเฟยเยี่ยนไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องกระบี่หิมะ กลับกันนางเผยธาตุแท้ เจ้าชู้เป็นนางจิ้งจอกคอยยั่วยวนต่อหน้าเย่หวูเฉิน และเมื่อเขาไม่อาจระงับอารมณ์ความเป็นชาย นางจะวิ่งหนีและหัวเราะใส่เขา ทำให้เขาต้องกัดฟันอย่างแค้นเคืองทุกครั้ง เขาเริ่มสงสัยสมมติฐานแรกของตน

นางติดตามเขามาเพราะกระบี่หิมะจริงๆหรือ? เพียงเพื่อกระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง นางจำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้? ทั้งไม่เคยพบนางมาก่อน เขาเพียงข้องเกี่ยวกับคนกลุ่มเล็กในเมืองเทียนหลงเท่านั้น แท้จริงแล้วนางต้องการอะไรกันแน่?

“ตายแล้ว ตายแล้ว! มีคนคิดถึงข้าด้วย น้องชายน้อย ยอดรัก ข้าพึ่งออกไปได้ประเดี๋ยวเดียวเจ้าก็คิดถึงข้าแล้วหรือ?”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนยิ้มหวานน่ามอง ฝีเท้าของนางนุ่มนวลและไม่รีบร้อน ส่วนโค้งของนางยักย้ายอย่างอ่อนโยน เมื่อนางตรงมาที่เขา เย่หวูเฉินเคลื่อนตามองและกลายเป็นโง่งมในทันที

ดูเหมือนเสวี่ยเฟยเยี่ยนพึ่งอาบน้ำมา ผมที่เปียกของนางทอดประบ่าอย่างเป็นธรรมชาติ ภายใต้แสงจันทร์สะท้อนแสงของน้ำงดงาม ชุดขาวหิมะของนางชื้นน้ำ มองทีแรกเหมือนนางอยู่ในหมอก ไม่ว่านางจงใจหรือไม่ก็ตาม ชุดไหมของนางไม่ได้นุ่งห่มมิดชิด จึงเห็นผิวขาวระหว่างลำคอและอกนาง ราวกับว่าเป็นภาพมายา ความงดงามน่าใคร่นั้นเกินผู้ใดจะเทียบเทียม

เมื่อเห็นอาการของเย่หวูเฉิน เสวี่ยเฟยเยี่ยนหัวเราะด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ วิธีเกี้ยวพาของนางนั้นยอดเยี่ยม เมื่อนางจงใจส่งสายตา ดวงตากระจ่างสดใสไม่เปลี่ยนแปลง ความงามยั่วยวนที่เหนือล้ำ ดูคล้ายนางอยากโยนร่างตัวเองเข้าอ้อมแขนของเขา แล้วจ้องสบตาด้วยความรัญจวน

เมิ่งจื่อแลมองที่เย่หวูเฉิน จากนั้นเบือนศีรษะออกและแค่นเสียงเบา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนจงใจยั่วเย้าต่อหน้าเขา และทุกครั้งเมิ่งจื่อจะรู้สึกหายใจลำบาก ท่าทางของเย่หวูเฉินยิ่งทำให้อาการนางเป็นมากขึ้น แม้ว่านางรังเกียจเสวี่ยเฟยเยี่ยน แต่นางจำต้องยอมรับว่า เสวี่ยเฟยเยี่ยนมีเสน่ห์มนต์มารที่เหนือล้ำในปฐพี กระทั่งชายกลางคนจนไปถึงชายแก่ยังถูกล่อลวงให้เกิดตัณหาได้อย่างง่ายดาย แล้วชายหนุ่มที่แข็งแรงกำยำจะเหลืออะไร

เย่หวูเฉินหันเหความสนใจ เขาหันกายออกไปโดยไม่กล่าวคำพูด เขารู้ว่าเมื่อครู่เสวี่ยเฟยเยี่ยนไปทำอะไรมา สถานที่ห่างไกลนอกตัวเมือง ระเกะระกะด้วยก้อนหินใหญ่ หญ้าป่าหนาพอที่สัตว์จะซุ่มได้ ทั้งยังแทบไม่มีผู้คนสัญจร สระน้ำใสกระจ่างมีอยู่มาก สตรีล้วนรักความสะอาดโดยเฉพาะสตรีที่งดงาม แน่นอนว่านางใช้โอกาสนี้ในการอาบน้ำ

“นี่ นี่... น้องชายน้อย เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้าสวยขึ้นหรือเปล่า?”

เย่หวูเฉินทำเป็นหูดับแล้วกลับไปที่กระโจมของตน เปิดผ้ากระโจมเข้าไปโดยไม่ลังเล มุมปากของเมิ่งจื่อยกยิ้มเล็กน้อย นางแลมองที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนแต่ไม่คิดคุย จากนั้นนางตรงไปยังทิศที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนพึ่งเดินมา

“เจ้าช่างเย็นชากับข้าเหลือเกิน หรือว่าเสน่ห์ของข้าไม่มากพอสำหรับเจ้า?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนมองกระโจมที่เย่หวูเฉินพึ่งกลับเข้าไปด้วยสีหน้าขัดเคือง นางหรี่สายตาน่าหลงใหลลงและมองตามแผ่นหลังของเมิ่งจื่อ มุมปากของนางเผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลและซ่อนเร้นเจตนา

ฟุ่บ

เย่หวูเฉินกำลังจะเอนร่างนอนลง กระโจมก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก เห็นนิ้วเรียวงามราวกับหยกดันแผ่นผ้า ค่อยๆเคลื่อนผ้ากระโจมออกด้านข้าง เป็นร่างของเสวี่ยเฟยเยี่ยนที่ทรงเสน่ห์ นางเคลื่อนนิ้วงามพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชายน้อย ข้าเป็นคนขี้กลัว กลางคืนเช่นนี้ข้าไม่กล้านอนคนเดียว เจ้าให้ข้านอนด้วยได้หรือเปล่า? ข้าจะ... ข้าจะดูแล~~เจ้า~~เป็นอย่างดี”

เสียงเสน่ห์ของนางทำให้เย่หวูเฉินรู้สึกสิ้นเรี่ยวแรงไปชั่วขณะ กระทั่งหนิงเสวี่ยกับทงซินที่นอนอยู่ยังรู้สึกอ่อนปวกเปียกจากหัวใจไปทั่วร่าง พวกนางหันหน้ามามองเสวี่ยเฟยเยี่ยนด้วยความสงสัย หนิงเสวี่ยที่งุนงงกล่าว “ท่านพี่ ให้พี่หญิงเสวี่ยนอนกับพวกเรานะ หน้าอกของพี่หญิงเสวี่ยทั้งใหญ่และก็นุ่ม ถ้าได้ซบตรงนั้นพวกเราต้องนอนหลับสบายมากแน่ๆ”

เมื่อเสวี่ยเฟยเยี่ยนได้ยิน นางหัวเราะและหรี่ตาลง “น้องหญิงเสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าเป็นห่วงพี่หญิงคนนี้จริงๆ เพราะอย่างนี้ข้าถึงชอบเจ้า น้องชายน้อย เจ้าจะกอดหน้าอกของข้าก็ได้ตอนที่เจ้านอน....”

นางจงใจเชิดหน้าอกขึ้น ทั้งกลมแน่นและเต่งตึง ราวกับหยกขาวก้อนใหญ่ ที่น่าประหลาดใจก็คือ อกที่ใหญ่เกินสตรีทั่วไปสองลูกนี้กลับไม่หย่อนคล้อย มันตระหง่านชูเชิดอย่างภาคภูมิ ดุนดันเสื้อผ้าจนแทบปริออก ถ้อยคำไร้เดียงสาของหนิงเสวี่ยแทบจะทำให้เย่หวูเฉินไม่อาจระงับคลื่นปั่นป่วนในหัวใจ เขากระทั่งเกือบเอ่ยคำตกลงเห็นชอบ เขานึกถึงเรื่องเมื่อวานตอนที่นางขี่ม้า อกขนาดใหญ่กระเพื่อมไหวอย่างไม่อาจควบคุม ล่อหูล่อตาจนเย่หวูเฉินไม่อาจละวางสายตาได้

เขาเชื่อหมดหัวใจว่านางต้องเจตนาทำ

“มารเสน่ห์....” เขาเผลอตัวเรียกชื่อที่อยู่ในใจ สิ่งนั้นทำให้เขาไม่อาจควบคุมตน ดังนั้นเขาจึงเลื่อนสายตามองที่หนิงเสวี่ยและค่อยๆสงบจิตใจลง เขากล่าวอย่างเย็นชา “เมิ่งจื่อก็อยู่กับท่านไม่ใช่หรือ? เตียงของข้าคับแคบ ไม่อาจนอนกันสี่คนได้”

เมื่อเย่หวูเฉินพูดถึงเมิ่งจื่อ ใบหน้าทรงเสน่ห์ของเสวี่ยเฟยเยี่ยนก็สลดลง “อย่าได้กล่าวถึงน้องหญิงน่าละอายคนนั้นเลย บางทีตอนนี้นางอาจกำลังสุขสันต์กับชายอื่นอยู่ นางจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงอย่างข้าได้อย่างไร?”

เย่หวูเฉินขมวดคิ้ว ก้มลงหาหนิงเสวี่ยกับทงซินแล้วกล่าว “หลับกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวข้ากลับมา”

เขาออกจากกระโจมและพบว่าเมิ่งจื่อไม่อยู่จริงๆ เขากำลังจะเปิดปากพูดแต่ก็นึกบางอย่างได้ “นางก็เหมือนกับท่าน แค่ไปอาบน้ำ รออีกสักพักนางก็กลับมาแล้ว”

เขาไม่รอให้นางตอบและหันกายกลับไปที่กระโจม เขาเริ่มรู้สึกกลัวสตรีผู้นี้ เขาไม่อาจทุบตีนาง , ดุด่านาง หรือกระทั่งไล่นาง เขาอยากให้นางเป็นคนชั่วช้า มีความคิดชั่วร้าย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะได้ให้ทงซินจำกัดนางในทันที



<<<PREV    .    NEXT>>>