วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 162

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 162 ท่านสวมหน้ากากคืนเถอะ

เมิ่งจื่อและหนิงเสวี่ยมีสีหน้าสงสัย พวกนางพากันมอง ‘เสวี่ยเฟยเยี่ยน’ ด้วยความประหลาดใจ หนิงเสวี่ยเอ่ยถาม “ท่านพี่ พี่หญิงใส่หน้ากากอยู่เหรอ? แต่ว่า...ไม่เห็นเหมือนว่าใส่อยู่เลย”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนชะงักค้างไปขณะหนึ่ง แต่ก็คืนเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เย่หวูเฉินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “นางใส่หน้ากากอยู่จริงๆ เพียงแต่ว่าไม่ใช่หน้ากากธรรมดา มันเหมือนผิวหนังมนุษย์ทำให้ยากที่จะดูออก เป็นการอำพรางที่สมบูรณ์แบบ  แนบเนียนไร้ที่ติจนไม่อาจสังเกต แต่หากลองมองที่นางใกล้ๆ...” เย่หวูเฉินสีหน้าครุ่นคิด “สีผิวที่คอของนางจะต่างออกไปเล็กน้อย”

ที่คอของเสวี่ยเฟยเยี่ยน สีผิวด้านบนกับด้านล่างต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อให้คนทั่วไปมองสังเกตใกล้ๆก็ยังยากที่จะดูออก เสวี่ยเฟยเยี่ยนมองสบตากับเย่หวูเฉินผู้มีสีหน้าไม่แยแส

“โอ้ คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะถูกดูออกโดยยอดรักได้ น้องหญิงผมขาว พี่สาวสวมหน้ากากอยู่จริงๆ เพราะใบหน้าของพี่สาวหยาบกร้านมาก จึงไม่กล้าให้ผู้คนเห็นหน้า....”

“พูดไปก็เปล่าประโยชน์” เย่หวูเฉินหยุดนาง “ท่านต้องทำตามคำของข้าคือถอดหน้ากากซะ ข้าไม่ต้องการอยู่กับสตรีที่ใส่โฉมหน้าปลอม”

สายตาของเสวี่ยเฟยเยี่ยนสั่นไหวเล็กน้อย นางยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ได้ ได้ ในเมื่อน้องชายน้อยต้องการเห็นใบหน้าของพี่หญิง... อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถให้เจ้าดูได้เพียงผู้เดียว ถ้าเจ้าอยากเห็นก็จงมากับพี่หญิง” นางหันกายแล้วเคลื่อนเอวเข้าไปในป่าขนาดเล็กที่อยู่ทางด้านขวามือ

“รอข้าอยู่นี่” เย่หวูเฉินตามเข้าไปโดยไร้กังวล มุมปากยกยิ้มขึ้น “ให้ข้าดูสิว่า สตรีที่มีเรือนร่างน่ากลัวนี้ จะมีใบหน้างดงามถึงเพียงไหน?”

มองดูร่างสองคนหายเข้าไปในป่า เมิ่งจื่อรู้สึกไม่สบายใจในฉับพลัน นางย่ำเท้าเบาๆ และแค่นเสียงเย็นชา “เฮอะ ผู้หญิงไร้ยางอาย!”

เดินมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเสวี่ยเฟยเยี่ยนก็หยุดลง นางเผยรอยยิ้มน่าหลงใหลและมองเย่หวูเฉินที่กำลังใกล้เข้ามา ที่นี่เงียบสงบไร้เสียงรบกวน เป็นสถานที่เหมาะแก่การคุยเรื่องรักใคร่ เย่หวูเฉินไม่รอให้นางกล่าว เขาพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว “ท่านสมควรเป็นคนของวังสตรีหิมะ”

เสวี่ยเฟยเยี่ยน “.........”

“มีทักษะแพทย์อันพิเศษเฉพาะ ใช้แซ่ ‘เสวี่ย’ และยังสวมแหวนบนนิ้วที่เรืองแสงอยู่ตลอดเวลา” เย่หวูเฉินหรี่ตาลง “แสงนี่ไม่ใช่การตอบสนองทั่วไป ท่านคือสตรีหิมะ เป็นผู้สืบทอดของเทพหิมะ และท่านคงกำลังตามหากระบี่หิมะจากข้าอยู่”

“โอ้ น้องชายน้อย เจ้าทายได้แม่นยำทีเดียว” เสวี่ยเฟยเยี่ยนไม่แปลกใจและยังโปรยเสน่ห์อยู่ตลอดเวลา “เมื่อเป็นเช่นนี้ น้องชายน้อยแค่มอบกระบี่คืนให้ข้า แล้วข้าจะยอมให้เจ้าทำทุกอย่างกับข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ”

เย่หวูเฉินยกยิ้มมุมปากและแค่นเสียง “ข้าสงสัยว่าท่านคือคนของวังสตรีหิมะ แต่ขณะเดียวกันก็สงสัยว่าไม่ใช่... คนของวังสตรีหิมะสมควรมีจิตใจบริสุทธิ์และไม่ละโมภ ร่างกายจิตใจเป็นดั่งหิมะและน้ำแข็ง ท่านจำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้เพื่อกระบี่จริงๆหรือ? เลิกทำเป็นโปรยเสน่ห์ได้แล้ว ท่านเล่นละครได้แย่นัก”

“เอ๋? เล่นละคร? ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่....” เสวี่ยเฟยเยี่ยนใช้มือป้องปากขณะหัวเราะ เสียงหัวเราะของนางน่าหลงใหล ชุดขาวหิมะและอกเต่งตึงกระเพื่อมทันที ยั่วยวนร่วมกับเอวอ้อนแอ้น ส่วนโค้งเว้าของเรือนร่างน่าดึงดูดใจ “น้องชายน้อย ใครบอกเจ้าเหรอว่า คนของวังสตรีหิมะจะต้องมีจิตใจบริสุทธิ์ไร้ความละโมภ? ชายทั้งหมดที่ผ่านมือข้า อาจมากกว่าชายทุกคนที่เจ้าเคยพบก็ได้ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่...”

“งั้นเหรอ?” เย่หวูเฉินหัวเราะเช่นกัน เขายกฝ่ามือขึ้น จากนั้นค่อยๆทำท่าจะจับหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง เสวี่ยเฟยเยี่ยนดูตระหนก นางถอยหลบไปสองสามก้าวแล้วดุเขา “น้องชายน้อย ทำแบบนี้ไม่ได้นะ เจ้าต้องส่งกระบี่หิมะให้ข้าก่อน ข้าถึงจะยอมให้เจ้าทำทุกอย่างตามที่ต้องการ”

เย่หวูเฉินค้างฝ่ามือไว้เบื้องหน้า กล่าวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ผ่านชายมามากมายจะไม่ยอมแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ โอ้... ท่านถอดหน้ากากออกได้แล้ว”

“...น้องชายน้อย เจ้าอยากเห็นจริงๆหรือ?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนแตะมือบนใบหน้า ลูบขึ้นลงด้วยความขัดใจเล็กน้อย

“ข้าจะถามทำไมถ้าไม่อยากเห็น? ข้าอยากเห็นว่าผู้สืบทอดของเสวี่ยหนี่มีใบหน้าแท้จริงเป็นเช่นไร”

“เจ้า... แน่ใจนะว่าอยากเห็น?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเคลื่อนดวงตาเสน่ห์ ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานถามอีกครั้ง

“เดี๋ยวนี้” เย่หวูเฉินขมวดคิ้วคล้ายไม่อาจอดทน แต่อึดใจถัดมาใบหน้าของเขาต้องแข็งค้าง

ใบหน้าธรรมดาหายไป แทนที่ด้วยดวงหน้าที่งามล้ำโลก สดสวยตะลึงลานไร้ที่เปรียบปาน ผิวหิมะขาวผ่อง คิ้วโก่งเรียวยาว ยั่วยวนด้วยดวงตางามงอน ริมฝีปากสีชมพูเรียบลื่น นุ่มละมุนราวกับกลีบดอกไม้ ไม่ว่าใครที่เห็นนางย่อมสูญเสียจิตใจ แรงปรารถนาทะยานเป็นระลอก... ทุกมุมมองล้วนสมบูรณ์ ทุกตารางนิ้วล้วนดึงดูด ทุกจุดปลุกกระตุ้นความอยาก อาจนับได้ว่าคือความสมบูรณ์ที่สรรสร้างโดยพระเจ้า! ดวงหน้าโสภาของสตรีน่าใคร่พาชวนฝัน ทั้งลึกลับและพริ้มพราย  ไม่ว่าชายใดในโลกหล้า ย่อมบ้าคลั่งด้วยลุ่มหลง!

เกิดมาเพื่อเป็นมารเสน่ห์อย่างแท้จริง ทุกรอยยิ้มของนางเพียงพอที่จะสร้างหายนะล่มสลายได้ทั้งเมือง

บนเรือนร่างสวมใส่ชุดหิมะขาว ดูแล้วค่อนข้างรัดรึงรอบอกและสะโพก อกขาวและสะโพกดูราวพร้อมทะลักออกมา ผ้าไหมผูกเอวเผยรูปเรียวบาง เรือนร่างน่าตะลึงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นนางย่อมไม่ง่ายนักที่จะถอนสายตา ราวกับว่าลมหายใจได้ถูกกระชากไป

สำหรับบุรุษที่มักมีสีหน้าราบเรียบและสงบ ในที่สุดเย่หวูเฉินก็เผยสีหน้าสับสน เขาโง่งมอยู่ชั่วขณะ เสวี่ยเฟยเยี่ยนป้องปากขณะยิ้ม ใช้มือทำท่าส่งความ ฟันขาวกัดเม้มริมฝีปากแดง ส่งสายตาพรากจิตด้วยใบหน้าเจ้าชู้ ราวกับโยนหินลงบนผิวน้ำเรียบ เกิดระลอกคลื่นในหัวใจของเย่หวูเฉิน เขาเบือนหน้าออกและเดินไปทางทิศตรงข้ามนาง 

“ท่านสวมหน้ากากคืนจะดีกว่า”

เมื่อได้เห็นใบหน้านาง เย่หวูเฉินเข้าใจทันทีว่าเหตุใดนางต้องปิดบังใบหน้าเอาไว้ ทั้งยังเข้าใจด้วยว่าเหตุใดนางจึงมีนิสัยเช่นนี้ เพราะภายใต้หน้ากากนั้น เขาเห็นเสน่ห์ที่ได้รับการสืบเชื้อสายมา เป็นเสน่ห์ที่ไม่อาจปลอมแปลง มีเพียงต้องใช้หน้ากากถึงจะสามารถปกปิด ด้วยใบหน้า เรือนร่าง และน้ำเสียงผสานเข้ารวมกัน ผลลัพธ์จึงกลายเป็นมารเสน่ห์ที่งามล่มโลกา

เขาไม่กล้ามองใบหน้านั้นต่อแม้แต่เพียงอึดใจหนึ่ง เทียบความงามแล้ว นางยังเป็นรองเย่ฉุ่ยเหยาอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อทุกส่วนของร่างกายประกอบเข้ารวมกัน ก็เกิดเสน่ห์ยั่วยวนกระตุ้นตัณหาของบุรุษ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ปรากฎในเย่ฉุ่ยเหยา

หากแต่เสวี่ยเฟยเยี่ยนไม่ได้ทำตามที่เขาบอก เรือนร่างเงาขาววาบผ่านมาอยู่เบื้องหน้าของเขาอีกครั้ง กลิ่นหอมจรุงอ่อนรุกรานจมูกทำให้เขาใจสั่น “น้องชายน้อย ข้าน่าเกลียดมากเลยหรือ? เจ้าถึงไม่อยากมองข้าแม้แต่เพียงเหลือบแล”

“ท่านดูดีมาก แต่จะดีกว่าถ้าท่านสวมหน้ากากซะ” เย่หวูเฉินมองใบหน้านางและไม่เคลื่อนสายตาไปไหน เพลิงราคะลุกโชนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เย่หวูเฉินตกใจและพยายามควบคุม เขาลอบก่อนด่าในใจ “นางมารเสน่ห์”

“เจ้าช่วยส่งกระบี่หิมะให้ข้าไม่ได้หรือ? ข้าจะทำตามคำขอของเจ้าทุกอย่าง... น้องชายน้อย เจ้าสามารถทำทุกอย่างกับข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ...”

“อย่าเรียกข้าว่าน้องชายน้อย!” เย่หวูเฉินต่อต้านความร้อนรุ่มของร่างกายด้วยความยากลำบาก พยายามเบี่ยงความสนใจไปเรื่องอื่น

“โอ้?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเคลื่อนดวงตางามมองลงล่าง ทันใดนั้นนางก็ป้องปากและหัวเราะ ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปราวกับสายฟ้า เร็วจนเย่หวูเฉินไม่มีเวลาทันตั้งตัว ร่างของเขาแข็งค้าง จุดยุทธศาสตร์ระหว่างขาถูกจับแน่นด้วยมือเนียนนุ่มนวล

“ที่แท้ก็ไม่ใช่น้องชายน้อย แต่เป็นน้องชายใหญ่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่....” นางเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาใกล้ เป่าใบหูของเขาเบาๆ นางขยับมือนวดคลึงอยู่สองสามครั้ง เย่หวูเฉินรีบผละออกห่างจากนาง กัดฟันแน่นไม่กล่าวคำใดแล้ววิ่งออกจากป่า มีเสียงหัวเราะน่าใคร่ของเสวี่ยเฟยเยี่ยนตามมาจากเบื้องหลัง

เมื่อเย่หวูเฉินออกไปแล้ว เสวี่ยเฟยเยี่ยนก็หยุดหัวเราะเช่นกัน มองยังทางที่เขาจากไป ใบหน้านางกลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ นางยกมือขวาที่จับเขาไว้เมื่อครู่ขึ้นมาตรงจมูกแล้วสูดกลิ่น นากนั้นยิ้มน้อยๆแล้วกล่าว “นี่คือกลิ่นของผู้ชายสินะ...”

“หากว่าข้าสังหารเขา สาวน้อยชุดดำคนนั้นจะต้องสังหารข้าอย่างแน่นอน นางพูดถูก มนุษย์ไม่อาจฝ่าฝืนชะตา ข้าไม่อาจสังหารเขา แต่ข้ายังสามารถ...” นางเอ่ยเสียงเบาถึงเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจ จากนั้นถอนหายใจเล็กน้อย ยกมุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มล่อใจ “เป็นชายที่ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก... แต่เจ้าก็ยังเดาผิด ข้าไม่ใช่ผู้สืบทอดของเสวี่ยหนี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่....”

เมื่อกลับมาหาหนิงเสวี่ย ลมหายใจของเย่หวูเฉินดูคล้ายหนักหน่วง เขาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ แต่ความรู้สึกข้างในยังปั่นป่วน อ้างอิงจากความทรงจำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอับอายอย่างแท้จริง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาได้แต่ลอบกัดฟัน เขาไม่ใช่คนที่จะยอมอับอายพ่ายแพ้ ยิ่งโดยเฉพาะนางเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง

เขาอุ้มหนิงเสวี่ยแล้วไม่สนใจเรื่องของเสวี่ยเฟยเยี่ยนอีก “ไปกันเถอะ”

“ท่านพี่ ตัวท่านร้อนกว่าปกตินิดหนึ่ง” หนิงเสวี่ยแตะมือตรงหน้าอก เวลาส่วนใหญ่ของนางคือซุกในอกของเขา นางคุ้นเคยกับกลิ่นและอุณหภูมิ ดังนั้นนางจึงรู้สึกได้แม้การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

“ฮี่ ฮี่ น้องหญิง พี่ชายของเจ้าต้องตัวร้อนแน่” เสวี่ยเฟยเยี่ยนค่อยๆออกมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เอวบางยักย้ายราวต้นหลิวที่ถูกสายลม ดูแล้วล่อลวงใจ

“ทำไมพี่หญิง... พี่หญิง ท่าน... ท่านสวยมากๆ” หนิงเสวี่ยที่ซบอยู่ในอกของเย่หวูเฉินร้องอุทาน นางมองเสวี่ยเฟยเยี่ยนที่เข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าโง่งม เสวี่ยเฟยเยี่ยนอาจนับได้ว่าเป็นสตรีที่มีเสน่ห์ยั่วยวนที่สุดในโลก แตกต่างอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับหนิงเสวี่ย

เย่หวูเฉินเมื่อได้ยินถึงกับสะท้าน เขามองด้วยหางตาและพบว่าเสวี่ยเฟยเยี่ยนยังไม่ได้สวมใส่หน้ากาก นางออกจากป่าด้วยรอยยิ้มราวบุปผา ไม่เพียงแค่หนิงเสวี่ย เมิ่งจื่อเองก็ตกตะลึง มีเพียงทงซินเท่านั้นที่เหลือบมองแวบหนึ่งแล้วไม่สนใจต่อ นางอยู่เงียบๆข้างเย่หวูเฉิน ความปรารถนาสูงสุดของนางคือให้เย่หวูเฉินอุ้มนางเหมือนหนิงเสวี่ย แต่ความปรารถนานี้เติมเต็มในเฉพาะยามค่ำคืน

“ฮี่ฮี่ น้องหญิงช่างน่ารักจริงๆ เมื่อเทียบกับพี่ชายของเจ้าผู้ไร้มโนธรรม เจ้านับว่าดีกว่า อันที่จริงน้องหญิงก็สวยมากเช่นกัน” เสวี่ยเฟยเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่จริงหรอก ท่านโกหกข้า ข้าไม่ใช่คนสวย ไม่มีทางเลย” หนิงเสวี่ยไม่รู้สึกดีใจ ใบหน้านางกลายเป็นหม่นหมอง นางยกมือขึ้นปิดสองแผลเป็นบนใบหน้า นางรู้ว่าใบหน้าของนางไม่เพียงน่าเกลียดแต่ยังหน้ากลัว มีเพียงพี่ชายเท่านั้นที่ไม่หันหลังให้นาง ตรงกันข้ามเขามอบความรักให้นางอย่างจริงใจ



<<<PREV    .    NEXT>>>