วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 161

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 161 ถอดหน้ากากของท่านซะ!

“ข้าไม่ต้องการขัดจังหวะงานประลอง ข้ามีบางสิ่งต้องไปทำและไม่อาจรั้งรอเวลา อาวุโสทุกท่านและพี่หญิงท่านนี้ ข้าขอตัว” หลังกล่าวจบ เขาก็หันกายจากไป ฝูงชนเนืองแน่นที่มองดูเขา ตอนนี้กำลังแหวกเป็นทางให้เขาออกไป

“อั๊ย... น้องชาย น้องชาย โปรดรอก่อน... ทำไมเจ้าถึงต้องรีบร้อนแบบนี้ด้วย?” ฉุ่ยหนานเหอรีบตามไปและดึงเขาไว้ “เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเจ้าใช้วิธีอะไรรักษาสองคนนั้น นับเป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นทักษะเช่นนี้ ข้าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน”

“ถูกต้อง นี่คือทักษะลับ ท่านปู่เทพโอสถ ท่านคิดว่าข้าจะบอกท่านง่ายๆอย่างนั้นหรือ?” เย่หวูเฉินไม่ลดฝีเท้าลงแม้แต่น้อย เขาตอบขณะมองไปที่หนิงเสวี่ยที่กำลังโบกมือให้เขา

“นี่... แต่ว่า...”

“โปรดอย่าได้ถามอีก ท่านปู่เทพโอสถ ท่านรู้ดีว่าข้ามีเรื่องสำคัญอยู่ในมือ และข้าไม่กล้าเสียเวลา” เย่หวูเฉินกล่าว

ฉุ่ยหนานเหอระงับสีหน้ากระวนกระวายและค่อยๆสงบลง เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักตอบแทนน้ำใจ เมื่อเย่หวูเฉินก้าวขึ้นมาบนเวทีท่ามกลางสายตาผู้คน นั่นก็นับได้ว่าเป็นเกียรติต่อเขายิ่งแล้ว หากเขายังคงเซ้าซี้ไม่เลิกรา ไม่เพียงจะไร้ประโยชน์ใดๆ แต่ย่อมไม่ดีต่อเขาในฐานะอาวุโส ด้วยไม่เหลือตัวเลือกเขาจึงทำได้เพียงกล่าว “เป็นข้าเสียมารยาทแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเดินทางไปและกลับมาอย่างปลอดภัย หากพวกเราพบกันอีกครั้ง ข้าจะมีคำขอน่าละอายให้เจ้าช่วยชี้แนะ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่”

เย่หวูเฉินยิ้มและพยักหน้า ผู้คนแหวกออกเป็นทางขณะที่เขาค่อยๆกลับไปหาหนิงเสวี่ย พวกเขาออกไปอย่างรวดเร็วและลับสายตาผู้คนไปในเวลาไม่นาน

ฉุ่ยหนานเหอสายตาตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา เขากลับมาด้วยใบหน้าผิดหวัง จากนั้นหันหน้าหาประธานฉินแล้วกล่าว “ประธานฉิน เรามาเริ่มงานกันเถอะ เอ๋? สาวชุดขาวเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว?”

“นางจากไปเมื่อครู่นี้แล้ว” ประธานฉินส่งสายตานำไปยังทิศทางที่นางจากไป

“ไปแล้ว?” ฉุ่ยหนานเหอหันศีรษะไปมอง เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงงาม หัวใจเขารู้สึกผิดหวัง เขาได้บรรลุเป้าหมายที่มายังงานประชันการรักษา แม้ว่าหญิงงามไม่ใช่ผู้นั้นที่เขามองหา แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เขายังได้เห็นทักษะที่นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ ที่เขาเสียใจอย่างที่สุดคือไม่อาจรู้ว่าหญิงงามคือใคร รวมทั้งไม่อาจรู้วิธีที่เย่หวูเฉินใช้รักษา ยิ่งกว่านั้นเม็ดยาที่เย่หวูเฉินใช้ยังเป็นเพียงยาอมเล่นเท่านั้น ในฐานะ ‘เทพโอสถ’ แน่นอนว่าเขารู้จักยาทั่วโลก ดังนั้นเขาจึงระบุได้อย่างง่ายดายเพียงดูจากสีและกลิ่นของมัน

เมื่อกลับเข้างานชุมนุม เทพโอสถรู้สึกจืดชืด ในความคิดเขาลอบตัดสินใจว่าครั้งต่อไปหากได้พบเย่หวูเฉิน เขาจะต้องยืนกรานขอคำแนะนำแม้จะต้องเสียหน้าก็ตาม

.............................................

“นางเซียนเมิ่ง โปรดหยุดแอบชำเลืองมองข้าได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะคิดว่าท่านเริ่มสนใจข้า” เย่หวูเฉินมองตรงไปข้างหน้า เขากล่าวโดยที่ไม่หันศีรษะมา

เมิ่งจื่อหันขวับไปอีกทางโดยพลัน ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย นางแค่นเสียงเบาและไม่ยอมเป็นฝ่ายเริ่มโต้เถียงก่อน ประการแรกนางไม่มั่นใจ และประการที่สอง.... เถียงกับเขาเท่ากับหาเรื่องใส่ตัว

หลังจากออกจากเมืองเทียนหยุน เป็นความจริงที่ว่านางแอบลอบชำเลืองมองเย่หวูเฉินตลอดทาง นางพยายามดูชายผู้นี้ให้ชัด เขามีสีหน้าไม่แยแสไม่ว่าจะอยู่ในที่ใด ทำให้นางไม่อาจมองเขาได้ทะลุปรุโปร่ง นางเริ่มเชื่อแล้วว่าโอกาสสำเร็จภารกิจยิ่งไม่แน่นอนและเหลือน้อยเต็มที นางทำได้เพียงกัดฟันเดินทางไปที่เมืองเหยียนหลงพร้อมกับเขา

“ท่านพี่ ท่านชนะพี่หญิงใหญ่ที่แข่งด้วยกันใช่มั้ย?” หนิงเสวี่ยถาม

“อืม แน่นอน พี่หญิงใหญ่คนนั้นต้องคิดไม่ถึงแน่” เย่หวูเฉินยิ้มตอบ

“แล้วตอนนี้นางหายไปไหนเหรอ? พวกท่านตกลงกันว่าถ้าใครแพ้ต้องทำตามคำขอหนึ่งอย่างของอีกคนไม่ใช่เหรอ? ข้ารู้ว่าท่านพี่ต้องชนะแน่นอน”

“ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถ้านางแพ้ นางจะยอมรับสองเงื่อนไขของข้า อย่ากังวลเลยเสวี่ยเอ๋อร์ นางจะไม่หนีไปไหน ไม่เพียงนางจะไม่หนีเท่านั้น นางยังจะมาหาพวกเราด้วยตัวนางเอง” เย่หวูเฉินยิ้มอย่างลึกลับ

ทงซินพิงร่างของนางเข้าใกล้เขา ใช้มือนุ่มดึงแขนเสื้อ เย่หวูเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวเสียงเบา “ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจนาง”

เย่หวูเฉินรู้ว่าหญิงงามที่วางแผนมุ่งมาที่เขา จะต้องติดตามพวกเขามาจากด้านหลัง แต่เมื่อเขาลองตั้งใจตรวจสอบดู เขาไม่สามารถตรวจพบตัวตนของนาง การที่ทงซินสะกิดบอกพิสูจน์ว่าเขาคาดการณ์ได้ถูกต้อง... พลังของหญิงงามกลับกลายเป็นทรงพลังอย่างแท้จริง สตรีลึกลับผู้นี้มาจากไหนกันแน่!?

ด้วยพลังของเย่หวูเฉินในปัจจุบัน สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเขาได้ อย่างน้อยจะต้องมีพลังเหนือกว่าระดับขอบเขตวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าหญิงงามผู้นี้ครอบครองพลังที่เหนือล้ำกว่าขอบเขตวิญญาณ สามารถบรรลุพลังด้วยวัยเพียงเท่านี้ได้ เขารู้จักเพียงแค่ฉุ่ยเมิ่งฉานหนึ่งคน สำหรับฉุ่ยเมิ่งฉานที่มีพลังขอบเขตสวรรค์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางจะต้องได้รับ ‘เจิมศีรษะส่งพลังแห่งสวรรค์และปฐพี’ ของสำนักจักรพรรพิใต้ ไม่เช่นนั้น เรื่องที่บุคคลอายุยี่สิบปีบรรลุขอบเขตสวรรค์ คงจะเป็นได้เพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้น

เช่นนั้นสตรีผู้นี้... หรือว่านางจะเป็นคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ? ไม่สิ...

สูงเหนือท้องฟ้าขึ้นไปไกล มีสตรีงดงามในชุดหิมะขาวมองกลุ่มของเย่หวูเฉินทั้งสี่คนอยู่เงียบๆ นางมองพวกเขาออกจากประตูเมืองเทียนหยุนด้วยใบหน้าที่ปกคลุมด้วยความเยือกแข็ง ดูแล้วแทบไม่ต่างไปจากหิมะ

นางยกมือซ้ายขึ้นมา แหวนสีฟ้าบริสุทธิ์บนนิ้วนางเปล่งแสงน้ำแข็งคราม แสงสว่างเบาบางแต่ก็พอสังเกต นางพึมพำเสียงเบา “มันอยู่ในตัวของเขาแน่นอน... แย่นักที่เขาเป็นผู้สืบทอดของเทพกระบี่จึงไม่อาจสังหาร วิชาแพทย์ของข้ากลับล้มเหลวอย่างคาดไม่ถึง... เขาจะธรรมดาอย่างที่เห็นเพียงผิวเผินจริงๆหรือ?”

นางลดระดับความสูงลงและบินตรงไปในอากาศ ในหมู่คนที่สามารถบินอยู่บนอากาศได้ ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินอาจมีอยู่ไม่ถึงสิบคน 

ด้านนอกเมือง พวกเขามุ่งหน้าลงใต้ ดินแดนแผ่กว้างไพศาลกลายเป็นผืนหญ้าเขียว ทำให้ยากต่อการเห็นเส้นทาง เย่หวูเฉินไม่สนใจเส้นทาง เขาเพียงอาศัยตำแหน่งในความทรงจำและมุ่งหน้าลงใต้ เมฆฝน หนองน้ำ แม่น้ำ สัตว์อสูร แนวเขายาว... เขาพบพวกมันมามากกว่าหนึ่งครั้ง

ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เจตนาทำให้ดังขึ้น เขาหันไปมองอย่างซังกะตายและเห็นหญิงงามค่อยๆเข้ามาใกล้ เขาเอ่ยคำถามที่เห็นได้ชัดว่ารู้อยู่แก่ใจ “ท่านตามพวกเรามานานแค่ไหนแล้ว?”

หญิงงามหัวเราะน่าหลงใหล ตัวกระเพื่อมตามการหัวเราะ มือที่ป้องปากนั้นขาวนวลงาม ทุกมุมมองล้วนเห็นถึงเสน่ห์ท่าทาง น้ำเสียงเล้าโลมยากที่จะต้านทาน “น้องชายน้อย เจ้าเพียงบังเอิญนิดหน่อยเอาชนะข้าได้ แต่เจ้ากลับเดินหนีไปทำให้ข้าเสียใจมาก หัวใจของพี่หญิงถูกเจ้าขโมยไป ยอดรัก เพียงไม่นานที่ไม่ได้เห็นเจ้า หัวใจข้ายากที่จะทานทน ข้าทำได้เพียงทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้วสละตนไล่ติดตามเจ้ามา”

หาได้ยากนักที่เมิ่งจื่อจะเอ่ยปาก ด้วยนางเป็นพวกอนุรักษ์นิยมอย่างหนัก นางจะทนคำพูดแทะโลมพวกนี้ได้อย่างไร? นางพลันเบือนหน้าออกไปแล้วแค่นเสียงเบา “ไร้ยางอาย”

เงียบกริบอย่างไม่คาดคิด น้ำเสียงที่เบาเหมือนลมกลับถูกได้ยินโดยหญิงงาม สายตานางมองที่เมิ่งจื่อผู้ที่เบือนหน้าไปอีกทาง นางหัวเราะอย่างน่าใคร่ แต่ทันใดนั้นกลับแฝงแววสลดใจ “ไม่แปลกใจเลยที่ยอดรักจะปฏิเสธพี่หญิงคนนี้ เจ้ามีเพื่อนสาวน่าดึงดูดอยู่ข้างกาย ด้วยรูปร่าง , นิสัยใจคอ ,และหน้าตา... แม้เห็นใบหน้าเพียงครึ่งเดียว แต่นางก็งามจนข้าต้องชื่นชม บางทีน้องชายน้อยและน้องหญิงเล็กอาจเริงรมณ์ด้วยกันทุกค่ำคืนราตรี ตัวชิดติดกันราวกับตังเม เจ้าจะทนชมชอบพี่สาวน่าเกลียดอย่างข้าได้อย่างไร?

ขณะที่นางกล่าว ในใจก็รู้สึกชื่นชมเช่นเดียวกัน สตรีนางนี้ไม่ได้เผยใบหน้า แต่เพียงลักษณะเหนือธรรมดาก็สามารถล่อลวงผู้คนให้นึกถึงใบหน้างดงามและน่าหลงใหล คือสิ่งที่เรียกว่า “บุปผางามผุดจากวารีกระจ่าง ธรรมชาติสรรสร้างประทับงาม” บริสุทธิ์ , ธรรมชาติ , ไร้ที่เปรียบราวกับเซียนที่ลงมาจากฟากฟ้าหมู่ดาว จุติลงมายังโลกมนุษย์ สละสลวยเกินธรรมดา หากแต่ไร้กลิ่นอายของมนต์มาร

อย่างไรก็ตาม เมื่อนางมองที่เมิ่งจื่อ ก็ย่อมเห็นทงซินอย่างเลี่ยงไม่ได้ หัวใจนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดวงหน้าหิมะขาวงาม ม่านตากลมกว้างราวกับแก้วมณี ร่างขาวใสกระจ่าง องค์เอวบางอ้อนแอ้น เช่นเดียวกับมือ,เท้า,และไหล่บางนุ่มนวล เติมแต่งด้วยชุดกระโปรงดำน่ารักในมาดเจ้าหญิง เส้นผมยาวสลวยงามทอดประบ่า... ภาพของสาวน้อยงดงามถึงขีดสุด น่ารักใคร่ราวตุ๊กตาเต้นรำ บอบบางราวกุหลาบป่าแรกตูม หากแต่... ดวงตาน่าหวาดหวั่นบอกนางว่ากุหลาบป่าดอกนี้มีพิษร้ายซ่อนอยู่ เป็นพิษที่นำพาความรู้สึกอันตราย เหี้ยมโหดไร้เมตตา พร้อมสร้างความสะพรึงทรมานให้ไม่ว่าผู้ใด ต่างจากรูปลักษณ์น่ารักใคร่โดยสิ้นเชิง

นางใจสั่นขนลุก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ประสบกับความรู้สึกเช่นนี้ และผู้ที่นำความรู้สึกนี้มาสู่นางกลับเป็นสาวน้อยผู้หนึ่ง

เย่หวูเฉินเห็นอาการเปลี่ยนแปลงรุนแรงบนใบหน้านางในขณะที่นางมองทงซิน เย่หวูเฉินเกิดความรู้สึกกระเพื่อมอยู่ในใจ

เริงรมณ์ด้วยกันทุกค่ำคืนราตรี , ตัวชิดติดกันราวกับตังเม... เมิ่งจื่อหน้าแดงผ่าว นางกำลังจะตะโกนดุด่า หากแต่ได้ยินเย่หวูเฉินกล่าวก่อน “พี่หญิงท่านนี้ ในเมื่อข้าไม่อาจผลักไสไล่ท่านไปได้ เช่นนั้นก็เชิญท่านทำตามใจ แต่ท่านยังคงติดค้างเงื่อนไขของข้าอยู่สองข้อ ท่านยังจำได้หรือไม่?”

“ข้ารอมอบให้เจ้าอยู่แล้วยอดรัก แน่นอนว่าข้าจำได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าน้องชายน้อยจะกระตือรือร้นเรื่องนี้ยิ่งกว่าข้าเสียอีก” นางบิดเอวเดินตรงมาหาเย่หวูเฉิน สายตามารยาราวกับม่านน้ำและหมอกควัน

เย่หวูเฉินยังคงไม่เคลื่อนไหวขณะกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็จงฟัง ข้อแรก บอกชื่อจริงของท่านมา หวังว่าจะไม่ใช่ชื่อปลอม ไม่อย่างนั้น...” สีหน้าเขากลายเป็นทะมึน “ต่อให้ท่านติดตามข้าเบื้องหลังตลอดไป ข้าก็จะไม่พูดคุยกับท่านอีก!”

“เอ๋? ข้าคิดว่าเจ้าจะขอทำมิดีมิร้ายกับข้าเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะขอได้น่าผิดหวังเช่นนี้ เช่นนั้น น้องชายน้อยจงฟังให้ดี” นางค่อยๆขยับเข้ามา ศีรษะเอียงไปเบื้องหน้า กลิ่นลมหายใจอ่อนนุ่มสัมผัสใบหน้าของเย่หวูเฉิน ทำให้เขาต้องเอียงตัวไปข้างหลัง ดวงตานางเต็มไปด้วยความปรารถนา ใช้น้ำเสียงราวกับมนต์แห่งสายลม นางตอบ “ชื่อของข้าคือ เสวี่ย-เฟย-เยี่ยน เจ้าจำได้หรือไม่?”

ท่าทางกวนใจของนางทำให้จิตใจของเย่หวูเฉินสับสน เขายับยั้งตัวเองเล็กน้อย พยักหน้ายิ้มและกล่าว “เสวี่ยเฟยเยี่ยน เป็นชื่อที่ไพเราะมาก... ไม่แปลกใจเลยที่ท่านมีทักษะการแพทย์ที่เหนือล้ำ”

หญิงงามหัวเราะคิกคัก “เห ทักษะแพทย์ของข้าจะเทียบเจ้าได้อย่างไร? โอ้? ชื่อของข้าเกี่ยวกับทักษะแพทย์ของข้าอย่างไรหรือ?”

จะไม่เกี่ยวได้อย่างไรเล่า? เฟยเยี่ยน หากเจ้าออกเสียงเน้นคำจะกลายเป็น เนโมเนีย(pneumonia : ปอดบวม) หรือเพราะว่าตอนเด็กเจ้าไม่อาจรักษาโรคปอดบวมของตัวเอง เจ้าถึงได้ตั้งใจเล่าเรียนวิชาแพทย์?

เขาไม่ได้กล่าวคำพวกนี้ออกมา และไม่ตอบคำถามของนาง กลับกันเขาเอ่ยต่อ “ข้อที่สอง...” เขาเคลื่อนสายตาจนกระทั่งมองตรึงที่ลำคอของนาง “ถอดหน้ากากของท่านซะ!”



<<<PREV    .    NEXT>>>