วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 175

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 175 ทั่วท้องฟ้าหิมะโปรยปราย (1)

ตอนที่เขาได้ยินเสียงปีศาจของเมิ่งจื่อ เขาสัมผัสได้ถึงพลังจิตใจ พลังจิตใจที่ตื้นเขินและไม่บริสุทธิ์เช่นนี้ย่อมไม่มีผลต่อเขา ก่อนที่เสียงปีศาจจะเข้าสัมผัสจิตใจ มันถูกป้องกันโดยธรรมชาติจนไม่มีผลต่อเขาแม้แต่น้อย

“เจ้าจะไม่ไปตามนางหรือ?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเดินนวยนาดออกมาจากหลังต้นไม้ สายตานางมองกวาดทั่วร่างของเขาอย่างสงสัย

“ทำไมข้าต้องไปตามนางด้วย? นี่คือสิ่งที่นางเลือก... เหตุใดข้าต้องตามนาง?” เขาถอนหายใจบาง ในศีรษะปรากฎภาพสุดท้ายของนางผู้อ่อนโยน ในเวลานั้น นางราวกับเป็นอีกคน

“โอ้! ยอดรักช่างไร้หัวใจจริงๆ เจ้าพึ่งเสพสมกับนาง ตอนนี้กลับปล่อยให้นางหนีไปผู้เดียว เจ้าไม่กลัวหรือว่านางจะพบคนชั่วช้า? ข้ารู้สึกเสียใจแทนน้องหญิงผู้น่าสงสารจริงๆ” เสวี่ยเฟยเยี่ยนตำหนิเขา

เย่หวูเฉินไม่สนใจนาง เขายังคงมองไปทางทิศเหนืออย่างว่างเปล่า

“ยอดรักผู้ไร้หัวใจ ข้าแนะนำว่าเจ้าควรไปตามนางกลับมาเสีย เจ้าไม่เห็นหรือว่านางรักเจ้าจริงๆ? เพียงแค่นางไม่ยอมรับมันและไม่กล้ายอมรับกับตัวเอง นางจึงเก็บซ่อนมันไว้ข้างใน ถ้าไม่อย่างนั้น ต่อให้เจ้าเป็นชายคนแรกของนาง คมมีดนั้นย่อมตัดผ่านลำคอเจ้าไปแล้ว” เสวี่ยเฟยเยี่ยนยิ้มมีพิรุธ เย่หวูเฉินไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับผลข้างเคียงของพลังเสียงปีศาจ แต่นางรู้เป็นอย่างดี สำหรับสตรีเช่นเมิ่งจื่อที่ยอมเลิกล้มในเวลานั้น ความรู้สึกของนางต่อเขาย่อมไม่ธรรมดา และย่อมฝังรากลึกในหัวใจ ตลอดระยะเวลาเกินกว่าสิบวันที่ได้ร่วมทาง

สำนักจักรพรรดิเหนือส่งนางมาเพียงลำพัง นับเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง ทั้งพรสวรรค์ , ความคิด , รูปร่างหน้าตา และธรรมชาติของเย่หวูเฉิน ทั้งหมดมีพลังคุกคามต่อหญิงสาวอย่างรุนแรง แม้แต่เมิ่งจื่อที่รังเกียจคนภายนอกยังเผลอมีใจให้เขาในชั่วเวลาไม่กี่วันที่อยู่ร่วมกัน

“หากเจ้าไม่ไปตามนาง เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน” นางกล่าวอย่างลึกลับ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเสน่ห์ที่กระทั่งดาราบนฟ้ายังต้องสยบให้กับนาง

เขายังคงไม่สนใจเสวี่ยเฟยเยี่ยน สายตาเคลื่อนมองตัวอักษรที่เขียนไว้บนพื้น

เหยียนจื่อเมิ่ง... นี่คือชื่อจริงของนาง? เมิ่งจื่อ...จื่อเมิ่ง นั่นสินะ จื่อเมิ่งคือชื่อที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนาง

เหยียน... แน่นอนว่านางถูกส่งมาโดยสำนักจักรพรรดิเหนือ ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน มีเพียงสำนักจักรพรรดิเหนือเท่านั้นที่ใช้แซ่เหยียน สมควรแล้วที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของสำนักจักรพรรดิเหนือ ครอบครองพลังอันพิเศษเฉพาะ และยังมาสืบหาความลับของสำนักจักรพรรดิใต้

เขาหันร่างและเดินจากไปเงียบๆ ไม่สนใจมองเสวี่ยเฟยเยี่ยน

“หยกจิตกำหนัด... เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดมันจึงถูกเรียกว่าหยกจิตกำหนัด?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนยืนอยู่ตรงนั้น พึมพำเสียงเบา แต่เย่หวูเฉินไม่ได้ยินเสียงนางอีกต่อไป

ตึก...ตึก...

เสียงฝีเท้าดังขึ้นเมื่อเย่หวูเฉินเดินกลับมาอีกครั้ง เสวี่ยเฟยเยี่ยนกำลังจะแกล้งเขาอีกนิด แต่เมื่อเห็นสายตาของเขา หัวใจนางก็เย็นวูบลง ถ้อยคำที่กำลังจะกล่าวติดค้างอยู่ในลำคอ ความผิดหวัง , ความโกรธ , ความไม่แยแส , และความสับสน... ทุกอารมณ์ที่เขากดระงับไว้อย่างสมบูรณ์วาบผ่านออกมาจากดวงตา

เขาขยับมือเบื้องซ้าย วัตถุเย็นเยียบปรากฎขึ้นอยู่ในมือ มันคือกระบี่หิมะ เขาจับมันแน่นและปักลงกับพื้นดินเบื้องหน้านาง

“นี่คือกระบี่หิมะที่ท่านต้องการ ตัวท่านเองก็ไปซะ”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนดวงตาสั่นไหวอย่างรุนแรง กัดเม้มริมฝีปากล่างไว้แน่น นางไม่กล่าวคำใดอีก

เย่หวูเฉินไม่กล่าวคำใดเช่นกัน เขาสะบัดแขนแล้วเดินจากไป สิ่งที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนทำลงไปนั้นเกินขีดจำกัดความอดทน นี่คือสตรีที่เขาไม่สามารถควบคุม หากมีวันหนึ่งนางใช้วิธีเดียวกันคนใกล้ตัวของเขา เขาไม่อาจจินตนาการถึงผลลัพธ์ได้เลย

เห็นความเย็นชาและไม่แยแสของเขา เสวี่ยเฟยเยี่ยนเผยสีหน้าเสียใจในที่สุด ถึงแม้ว่านางจะเตรียมใจไว้แล้วว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้

นางก้าวมาเบื้องหน้าแล้วดึงกระบี่หิมะขึ้นจากพื้น ถือไว้มั่นอยู่ในมือ กระบี่เย็นเยียบไม่ได้สร้างความหนาวเย็นให้กับนาง แต่เป็นสัมผัสสบายที่นางรู้สึกได้เพียงผู้เดียว กระบี่หิมะเป็นศาสตราวิเศษสำหรับคนอื่น แต่สำหรับนางเมื่อมันอยู่ในมือ มันเชื่อมโยงและเพิ่มพลังให้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางแปลงโฉมหลากหลายรูปแบบ สวมแหวนเทพหิมะที่สามารถตรวจจับกระบี่ ท่องไปทั่วทวีปเทียนเฉินเพื่อตามหากระบี่เล่มนี้

แต่ในเวลานี้ เมื่อได้กระบี่หิมะมาอยู่ในมือ นางไม่รู้สึกถึงความสุขใดๆ กลับกันหัวใจนางได้ตามเย่หวูเฉินที่จากไป ไม่ทราบว่ามันลอยไปอยู่แห่งหนใด

“ข้ารู้ว่าเขาจะต้องโกรธมาก แต่เพื่อตัวเขา นางคือสตรีเสียงปีศาจคนสุดท้ายในทวีปเทียนเฉิน เพื่อที่เจ้าจะเป็นราชันแห่งโลกหล้า นางจะสามารถช่วยเจ้าได้มาก หากข้าไม่ทำแบบนี้ ต่อให้นางรักเจ้า นางก็ยังจะแต่งเข้าสำนักจักรพรรดิเหนือเพื่อปิดบังความเสียใจ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าก็ไม่อาจพบกันได้อีกเลย...”

“ถึงแม้วิธีของข้าจะโหดร้าย แต่มันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด... เจ้าอภัยให้พี่หญิงได้ไหม? ข้าสัญญาว่าจะทำเรื่องแย่ๆกับเจ้าอีกแล้ว”

นางพูดกับตัวเอง ท่าทางเหม่อลอย มีเพียงสายลมราตรีเท่านั้นที่ได้ยินนาง มีเสียงตอบรับแผ่วเบาของลมราตรีที่พัดมา

เมื่อกลับมาถึงกระโจม หนิงเสวี่ยกำลังหลับอุตุ แต่ทงซินลืมตาต้องแสงประกาย เมื่อนางเห็นเขากลับมา นางกางแขนออกด้วยความดีใจ

เย่หวูเฉินนอนลงข้างทงซิน กอดนางไว้ในอ้อมแขนแล้วกล่าวเบาๆ “อย่าห่วงเลย ครั้งหน้าเจ้าหลับเถอะ หากมีอะไรเกิดขึ้นข้าจะเรียกเจ้าเอง”

ทงซินพยักหน้าและซุกศีรษะบนอกเขา จากนั้นจมลงสู่นิทราอย่างสงบรวดเร็ว

ตลอดทั้งคืน เย่หวูเฉินไม่อาจหลับลง ภาพที่ปรากฎในใจไม่ใช่เสวี่ยเฟยเยี่ยนตอนถูกละเมิด หรือเหยียนจื่อเมิ่งตอนร่วมสัมพันธ์ แต่เป็นช่วงเวลาขณะสุดท้าย ความปราณีตอ่อนโยนตอนนั้นราวกับว่านางเป็นภรรยาของเขา แม้ตอนนั้นเขาไม่ได้ลืมตา แต่เขาสัมผัสความอบอุ่นได้จากการเต้นของหัวใจและลมหายใจของนาง

ก่อนหน้าคืนนี้ ความประทับใจของเขาที่มีต่อเหยียนจื่อเมิ่งคือรูปโฉมที่โดดเด่น , สูงส่ง , บริสุทธิ์เย็นชา , ยโส , ดื้อรั้นและไร้ประสบการณ์ เขาเคยเชื่อมั่นว่าจะไม่มีวันรักนางหรือมีสัมพันธ์กับนาง กระทั่งยังปรากฎภาพนางในใจเป็นศัตรู เขาปล่อยให้นางอยู่ใกล้เพื่อรอเวลานางเผยตัวตน เขาไม่คิดเลยว่านับจากคืนนี้ไป ชะตาของพวกเขาจะผูกโยงกันด้วยอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เมื่อเขาถูกบังคับให้ครอบครองตัวนาง เขาได้ตัดสินแล้วว่านางจะต้องเป็นสตรีของเขา เขาจะไม่ยอมแบ่งปันสตรีของตนกับผู้ใด ถึงแม้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางจะไม่ใช่เช่นเดียวกับฮั่วฉุ่ยโหรว ถึงแม้เป็นเพียงความปรารถนาของบุรุษที่มีต่อสตรีสมบูรณ์แบบก็ตาม

และก่อนที่นางจะจากไป นางได้แสดงความอ่อนโยนต่อเนื่อง ซึ่งได้เคลื่อนความรู้สึกในใจเขาให้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

เขาต้องการให้นางอยู่ต่ออย่างยิ่ง แต่เขาทำได้เพียงอยู่เงียบๆ นางเลือกที่จะจากไป และเย่หวูเฉินมีความกังวลของตัวเอง หากเขาบังคับให้นางอยู่ต่อ หัวใจนางจะไม่มีวันสงบลง เพราะนั่นจะบังคับให้เย่หวูเฉินกับนางต้องเผชิญหน้ากับสำนักจักรพรรดิเหนือ แม้ว่าตอนนี้มีทงซินอยู่ข้างกาย เขาก็รู้ดีว่ายังคงไม่เพียงพอ กับการที่จะต่อต้านสำนักจักรพรรดิเหนือที่ตกทอดพลังมาไม่รู้กี่ปี เขาไม่อาจยอมให้พวกมันระบายโทสะลงที่ตระกูลของตนหรือคนอื่นๆที่สำคัญกับเขาได้

รอข้าก่อน... เพียงวันเดียวที่เจ้าได้เป็นสตรีของข้า ชั่วชีวิตของเจ้าจะไม่โอกาสหนีข้าพ้น ต่อให้เจ้าดิ้นรนขัดขืน ข้าก็จะไม่มีวันยอม...

.........................................

มือหนึ่งกอดหนิงเสวี่ย อีกมือหนึ่งจูงทงซิน เย่หวูเฉินที่ไม่ได้หลับทั้งคืนไม่รู้สึกอ่อนเพลียแม้แต่น้อย ข้างกายเขา เหลือเพียงสาวน้อยสองคนที่ไม่มีวันคิดแยกจากเขาไป เขารู้สึกไม่สบายใจ แม้กระทั่งหนิงเสวี่ยและทงซินก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

“พี่หญิงเมิ่งจะกลับมาอีกไหม?” หนิงเสวี่ยถาม นางรู้จากพี่ชายว่าพี่หญิงเมิ่งได้จากไปพร้อมกับม้าขาวในคืนที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ว่านางมุ่งหน้าไปไหน และนางไม่ทิ้งสิ่งใดไว้เบื้องหลัง

“นางจะกลับมา แต่หากนางไม่กลับมา ข้าจะต้องไปชิงตัวนางกลับอย่างแน่นอน” เย่หวูเฉินตอบพร้อมยิ้มบาง

“เอ๋?”

หนิงเสวี่ยชอบคำตอบนี้จากเขา แต่นางดูเหมือนไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้อง ‘ชิง’ ตัวนางกลับ หนิงเสวี่ยพิงศีรษะแล้วถามต่อ “แล้วทำไมพี่หญิงเสวี่ยถึงไปด้วยอีกคนล่ะ?”

เมื่อทงซินได้ยินคำถามนี้ นางมองไปทางด้านหลังแล้วดึงมุมเสื้อของเย่หวูเฉิน เย่หวูเฉินเข้าใจความหมายและมองไปด้านหลังด้วยสายตาซับซ้อน ในพื้นที่ทุ่งหญ้ากว้างไกล ร่างของนางไม่ปรากฎให้เห็น

“พี่หญิงเสวี่ยของเจ้ายังไม่จากไปไหน บางทีพวกเราอาจได้พบนางเร็วๆนี้” เย่หวูเฉินตอบ

การบอกใบ้ของทงซินทำให้เขารู้ว่าเสวี่ยเฟยเยี่ยนยังตามพวกเขาอยู่ คอยมองดูพวกเขาจากระยะไกล เขารู้แล้วว่าที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนตามเขามาไม่ใช่แค่เพียงเพื่อกระบี่หิมะ สิ่งที่นางต้องการจริงๆนั้นคือ...

“เอ๋? จริงเหรอ?” หนิงเสวี่ยประหลาดใจ

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าชอบพี่หญิงเสวี่ยจริงๆเหรอ?” เย่หวูเฉินยิ้มถาม

“ข้าชอบนาง” หลังจากคิดนิดหนึ่ง นางพูดเสริมอีก “ข้าชอบนางมากๆ”

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม นี่คือหนิงเสวี่ย ใครก็ตามที่ดีต่อนาง นางจะดีต่อคนนั้นกลับ เรียบง่ายเหมือนหิมะ นางไม่รู้จักว่าความชั่วร้ายเป็นอย่างไร

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าคิดถึงบ้านรึยัง?”

“คิดถึงมาก ข้าคิดถึงพี่สาวมากๆด้วย”

เมื่อเอ่ยถึง “พี่สาว” หัวใจของเย่หวูเฉินกระตุกอย่างรุนแรงสองครั้ง เขารู้ดีว่าต้องเกิดบางอย่างขึ้นกับเย่ฉุ่ยเหยา แต่ด้วยพลังล่วงรู้อนาคตอันเล็กจ้อย ดูเหมือนเรื่องร้ายที่เกิดจะกับนางไม่ใช่เกี่ยวกับความปลอดภัยแต่เป็นอย่างอื่น อันที่จริงตราบใดที่ยังมีสำนักจักรพรรดิใต้อยู่ใกล้ๆ เขาไม่ห่วงกังวลเรื่องความปลอดภัยของนาง

แล้วความรู้สึกนี้มันคืออะไร?

“พรุ่งนี้พวกเราจะไปถึงเมืองเหยียนหลง หากไม่มีเหตุขัดข้องอะไร พวกเราจะได้กลับบ้านหลังจากนี้ไม่กี่วัน ด้วยความเร็วตอนนี้ ก่อนเวลาค่ำพวกเราจะผ่านแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่มาก” เย่หวูเฉินอธิบายสิ่งต่างๆจากความทรงจำ

แม่น้ำสวรรค์ใต้ มันได้ชื่อนี้เพราะตำแหน่งที่ตั้งของมัน มันคือแม่น้ำที่ยาวที่สุดและกว้างที่สุดของทวีปเทียนเฉิน ในระหว่างการเดินทาง เย่หวูเฉินใช้หลากหลายวิธีข้ามแม่น้ำทุกขนาดมากกว่าสิบสาย แต่ความใหญ่โตของพวกมันไม่อาจเทียบได้กับแม่น้ำสวรรค์ใต้

อย่างที่เขาคาดไว้ พวกเขาได้มาถึงแม่น้ำสวรรค์ใต้ในเวลาตอนค่ำ เขา , หนิงเสวี่ย , และทงซินยืนอยู่ที่ริมฝั่ง ไกลสุดลูกหูลูกตาเห็นเพียงเส้นผิวน้ำไม่อาจเห็นฝั่งตรงข้าม เวลานี้ทางตอนใต้เป็นฤดูฝน กระแสน้ำจึงเชี่ยวกราก คลื่นน้ำซัดฝั่งเสียงสนั่นเสียดหู น้ำที่ตีฝั่งกระเด็นพรมรดร่างของพวกเขา



<<<PREV    .    NEXT>>>